ข่าว

 พม่าทำศึก"ชนกลุ่มน้อย"...ยาบ้าทะลักไทย

พม่าทำศึก"ชนกลุ่มน้อย"...ยาบ้าทะลักไทย

07 ธ.ค. 2552

ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ จ.เชียงรายมีผลการจับกุมยาบ้า ได้ของกลางไม่น้อยกว่า 1 ล้านเม็ด

 การจับกุมยาบ้าได้มากมายขนาดนี้ย่อมเป็นสิ่งบอกเหตุถึงสถานการณ์ยาเสพติดตามแนวชายแดนทางภาคเหนือ โดยเฉพาะ จ.เชียงราย ซึ่งมีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ชนกลุ่มน้อยผู้ผลิตยาเสพติดรายใหญ่ต้องการระบายของออกจากเขตปกครองออกสู่ตลาด

 นอกจากการเร่งทำตลาดในช่วงปลายปีแล้ว ด้านหนึ่งการทะลักของยาเสพติดมีผลมาจากนโยบายของประเทศพม่าเอง ซึ่งพยายามกดดันชนกลุ่มน้อยในเขตอิทธิพลของกลุ่มโกกั้งและกลุ่มว้า ในพื้นที่รัฐฉานตอนเหนือ ซึ่งทางการพม่าสืบทราบว่ามีการสะสมอาวุธและผลิตยาเสพติดจำนวนมาก

 ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวว่า กลุ่มว้าและกลุ่มโกกั้งได้ลักลอบลำเลียงยาบ้าประมาณ 30 ล้านเม็ด และเฮโรอีนอีกหลายร้อยกิโลกรัม จากพื้นที่รัฐฉานตอนเหนือ มาซุกซ่อนไว้บริเวณแหล่งพักยาเสพติดตามแนวชายแดนตรงข้าม จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย รวมถึงเขตประเทศลาว โดยทั้งสองกลุ่มพยายามเร่งจำหน่ายยาเสพติดไห้ได้มากที่สุด เพื่อนำรายได้ไปจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่อสู้กับทหารพม่า สถานการณ์การค้ายาเสพติดจึงมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นตามลำดับ

 ด้านรัฐบาลทหารพม่าเองก็กำลังปฏิบัติการเชิงรุกกับชนกลุ่มน้อย เพื่อยุติการสู้รบที่ยืดเยื้อ โดยให้ทุกกลุ่มแปรสภาพเป็นกองกำลังอาสาสมัครป้องกันชายแดน (BGF) หมายถึงกองกำลังของชนกลุ่มน้อยเดิมจะเข้ามาอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลทหารพม่า

 แต่ที่ผ่านมากองกำลังพม่าเชื้อสายว้า (UWSA) และกองกำลังชนกลุ่มน้อยกลุ่มอื่นๆ มีท่าทีแข็งข้อ รัฐบาลพม่าจึงต้องใช้กำลังเข้ากดดันอย่างหนักในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยปลายเดือนกันยายน 2552 กองทัพพม่าเข้าตีกลุ่มว้าเหนือที่เมืองปางซาง จนชาวบ้านส่วนหนึ่งต้องหนีภัยการสู้รบไปอยู่ในเขตแดนประเทศจีน ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าเป้าหมายคือพื้นที่เมืองยอน หรือเขตปกครองของว้าใต้ นอกจากนั้นอาจรุกไปที่กลุ่มไทยใหญ่ ซึ่งมีพื้นที่ใกล้กับเขตแดนประเทศไทยมากที่สุด

 การกดดันอย่างหนักต่อกลุ่มว้า ซึ่งเป็นพื้นที่ผลิตยาเสพติดใหญ่ ผลกระทบส่วนหนึ่งคือการเร่งระบายยาเสพติดออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วนและจำหน่ายให้เร็วที่สุด !?!

 พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย จึงสั่งตั้งจุดตรวจเพิ่มทั่วทั้งจังหวัด 92 แห่ง เพื่อปิดเส้นทางลำเลียง โดยประสานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้ามาร่วมดำเนินการด้วย

 "ขณะนี้มีปัญหาขาดแคลนเครื่องมือตรวจจับยาเสพติดคุณภาพสูง เพื่อตรวจค้นรถสินค้าหรือตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ เนื่องจากการตรวจค้นรถสินค้า หากการข่าวไม่มีความชัดเจนพอ จะสร้างความเสียหายกับสินค้าไม่ใช่น้อย" พล.ต.ต.ทรงธรรม ระบุถึงปัญหาเร่งด่วน

 ผบก.ภ.จว.เชียงราย บอกว่า เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปรับตัว เพื่อตั้งรับอย่างเต็มที่ ขณะนี้ต้องคุมเข้มแม้แต่ท่าอากาศยาน ที่ทำการไปรษณีย์ และท่ารถประจำทาง เพราะเป้าหมายการระบายยาเสพติดออกจากพื้นที่ กลุ่มผู้ค้าจำเป็นจะต้องหารูปแบบทุกวิถีทาง เพื่อให้รอดพ้นจากการตรวจจับของเจ้าหน้าที่

 ด้าน พ.อ.จิรเดช กมลเพ็ชร ผู้บังคับการชุดเฉพาะกิจ กรมทหารม้าที่ 2 กองกำลังผาเมือง กล่าวว่า การลักลอบนำเข้ายาเสพติดผ่านทาง จ.เชียงราย มีตัวแปรสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านจากสถานการณ์สู้รบเวลานี้ จากการข่าวพบว่าขบวนการลักลอบเข้ามารอที่พรมแดน อ.แม่สาย ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนที่มีการเดินทางเข้าออกจำนวนมากในแต่ละวัน

 "สภาพของยาบ้าที่ตรวจยึดได้ล่าสุดพบว่า เป็นยาที่มีการผลิตมานานกว่า 2 เดือนแล้ว จากสีที่ดูซีดไปมาก เชื่อว่ายังมียาเสพติดอีกจำนวนมากที่รอการลำเลียงขนย้ายออกจากพื้นที่แนวชายแดนเข้าสู่เมือง อีกประเด็นคืออัตราค่าจ้างขนยาบ้าจากเดิมคิดค่าจ้างเม็ดละ 1 บาท มาเป็นเม็ดละ 2.50-3 บาท ถือเป็นราคาค่าจ้างที่สูงมากเท่าที่เคยมีมา" พ.อ.จิรเดช กล่าว

 ขณะเดียวกัน นายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้ความเห็นว่า ยาเสพติดมีแนวโน้มทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทางจังหวัดได้ขอรับการสนับสนุนเครื่องมือการตรวจจับจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เนื่องจากในคราวที่มีการจับกุมยาบ้า 5 แสนเม็ด รองนายกฯ เดินทางเข้ามาตรวจพื้นที่พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปด้วยตนเอง

 นอกจากยาบ้าที่ถือเป็นยาเสพติดอันดับหนึ่งแล้วในพื้นที่ จ.เชียงรายแล้ว ยังพบว่ามีการลักลอบขนยาไอซ์เข้ามามากกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งการจับกุมล่าสุดได้ของกลางมากถึง 15,106 กรัม เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12,160 กรัม

 ชินภัทร์ ไชยมล