รวบทันควันพี่ชายสุดแค้นหลังน้องสาววัย 14 ปีถูกหนุ่มช่างวัย 22 ปี มอมเหล้าแล้วข่มขืน ในห้องนอน โมโหใช้โช๊ครถฟาดดับคาห้องนอน เผยแค่ต้องการสั่งสอนไม่คิดจะเสียชีวิต
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 2 ธ.ค. 2562 พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านบึง เดินทางเข้าตรวจสอบหลังได้รับแจ้งจากทางหน่วยกู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึง ว่า มีผู้เสียชีวิตภายในห้องพักที่เปิดเป็นอู่ซ่อมรถยนต์ชื่ออู่ช่างปุ๊ก ตั้งอยู่ริมถนนสายบ้านบึง-แกลง เลขที่ 92/1 หมู่ 1 ตำบลบ้านบึง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบเป็นห้องพักอยู่หลังอู่ ภายในห้องพบศพผู้เสียชีวิตคือนายวัชรินทร์ รังศิริ อายุ 22 ปี ชาวจังหวัดขอนแก่น เป็นช่างในอู่ สภาพนอนตะแคงขวาหันหน้ามาทางประตูไม่สวมเสื้อ ใส่กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล ตรวจสอบด้านหลังมีรอยฟกช้ำ 2 รอย ใกล้กันมีขวดสุราตั้งอยู่ในห้องและยังพบโซ๊ครถยนต์สีขาวอยู่ที่หน้าห้อง ส่วนภายในห้องไม่พบร่องรอยของการต่อสู้
จาการสอบถามนายวัฒนา สินชัยยา อายุ 16 ปี ที่พักอาศัยด้วยกันเล่าว่า เมื่อคืนนี้ผู้ตายได้ชักชวนเพื่อนมาดื่มสุรากัน 4 คนและได้มีปากเสียงกัน หลังจากนั้นก็ได้แยกย้ายกันกลับออกไป ประมาณตี 1 กว่า พอช่วงเช้าวันนี้ตนเองนอนตื่นขึ้นมาก็ออกมาทำงานตามปกติ แต่ไม่เห็นนายวัชรินทร์จึงได้เดินทางดู ก็พบว่านอนเสียชีวิตอยู่บนที่นอนแล้ว จึงได้รีบแจ้งเจ้าของอู่ให้ทราบ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกู้ภัยเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าว
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนจนติดตามตัวกลุ่มเพื่อนที่เข้ามาดื่มสุราเมื่อคืนมาสอบสวนทั้งหมด โดยนายอทิป เพชรตะกั่ว อายุ 22 ปี และนายอุทัย จุปะมะนัย อายุ 26 ปี ได้รับสารภาพว่า ได้ใช้โช๊ครถยนต์ตีผู้เสียชีวิตจริง โดยตีที่หลัง 3 ทีแต่ไม่คิดว่าจะเสียชีวิต ส่วนสาเหตุที่ทำไปเพราะโมโหที่ผู้ตายได้ใช้มีดบังคับข่มขู่ให้น้องสาวตนกินเหล้าอยู่ในห้อง 2 คนจนเมาแล้วลงมือบังคับข่มขืน โดยเด็กหญิงเอ(นามสมมุติ)อายุ 14 ปี ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับตน
หลังทราบเรื่องจึงได้มาหานายวัชรินทร์ รังศิริ อายุ 22 ปี ผู้เสียชีวิตแล้วได้ใช้โช๊ครถยนต์ตีเพื่อสั่งสอนไป เพื่อให้รู้ว่าจะไม่ให้มาทำแบบนี้อีกหลังจากที่ตนได้ตีผู้เสียชีวิตเสร็จตนก็ได้พาน้องสาวมาแจ้งความทันที โดยไม่คิดว่าคนที่ตนได้ตีนั้นเสียชีวิต ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต และส่งตัวให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อำนาจ ลลิตลาวัณย์ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค ประจำจังหวัดชลบุรี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง