ข่าว

ศก.พอเพียงพลิกสร้างรายได้ให้ชาว”บ้านหม้อ”

ศก.พอเพียงพลิกสร้างรายได้ให้ชาว”บ้านหม้อ”

07 ธ.ค. 2552

บ้านหม้อ ต.คูคำ อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น อยู่ห่างจาก จ.ขอนแก่น ระยะทาง 30 กิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศทั่วไปเป็นที่ราบลุ่มสลับกับที่ดอน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทรายมีลำห้วยสายบาตรไหลผ่าน ทำให้ชาวบ้านทำไร่ทำนาปีละครั้ง ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพของชาวบ้านหม้อให้มี

นายสมจิต เผ้าหอม อายุ 60 ปี บอกว่า ได้ทำอาชีพเกษตรแบบผสมผสานมานานถึง 14 ปีแล้ว เริ่มแรกทำนาเป็นอาชีพหลัก และปลูกผักเป็นอาชีพเสริม จึงทำให้ผลผลิตที่ได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ต่อมาเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ทางเกษตรอำเภอซำสูง ได้เข้ามาแนะนำในเรื่องการลดละเลิกใช้สารเคมี แล้วให้หันมาปลูกผักปลอดสารพิษ โดยใช้พื้นที่ 11 ไร่ โดยทุกขั้นตอนการทำเกษตรจะยึดตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ว่าจะเป็นเลี้ยงกบ ปลา ปลูกข้าว ปลูกผัก โดยเฉพาะในเรื่องการปลูกผักนั้น จะไม่มีการใช้สารเคมีเข้ามาช่วยเลย

 "ส่วนใหญ่พืชผักที่ปลูกจะเป็นผักจำพวก คะน้า ขจร แตง ขึ้นฉ่าย ผักกาด กวางตุ้ง ถั่วฝักยาว และดอกสลิด โดยจะมีการปลูกแบบหมุนเวียนกันไปตลอดทั้งปี พอผักจำพวกไหนโตก็เก็บขายตามตลาดบางลำพู ขอนแก่น ซึ่งสามารถสร้างรายได้ดี ต่อวัน 4,000-5,000 บาท"

 นายสมจิต กล่าวอีกว่า ชาวบ้านรายอื่นๆ อีก 30 ราย ใช้ที่ดินสาธารณประโยชน์โคกหนองทุ่ม ใกล้ๆ กับบ้านหม้อ เนื้อที่ประมาณ 80 ไร่ เข้าไปปลูกผักกางมุ้งปลอดสารพิษ จนปัจจุบันที่นี่กลายเป็นแหล่งผลิตผักขนาดใหญ่ของ จ.ขอนแก่น โดยสมาชิกแต่ละรายมีรายได้จากการปลูกผักไม่ต่ำกว่าปีละ 2-3 แสนบาท ทำให้ชาวบ้านนับร้อยหลังคาเรือนเริ่มเข้ามาเรียนรู้และนำไปปรับใช้

 นายสุนันท์ เผ้าหอม ผู้ใหญ่บ้านบ้านหม้อ กล่าวว่า อดีตเคยรณรงค์ให้เกษตรกรลดการใช้สารเคมี แต่ก็ยังมีผู้ผลิตอีกเป็นจำนวนมากที่มิได้ใส่ใจในเรื่องเหล่านี้ แต่หลังจากทุกคนมีความรู้ ทำให้ทุกคนหันมาเปลี่ยนเป็นการปลูกผักกางมุ้ง ซึ่งก็สามารถช่วยลดต้นทุนการใช้ยาฆ่าแมลงได้จำนวนมาก พืชผักก็เติบโตได้ดี นำส่งขายได้กำไรอย่างงาม โดยเฉพาะการปลูกพริก ซึ่งชาวบ้านปลูกกันมาก โดยใช้พื้นที่รอบหนองน้ำหมู่บ้านซึ่งมีเนื้อที่ 20 ไร่ มีการรวมกลุ่มกันทำ แยกแบ่งกันเป็นแปลงๆ เมื่อพริกสดโตเต็มที่ก็เก็บขาย ส่วนสุกงอมก็นำไปตากแดด ทำเป็นพริกแห้ง หรือทำพริกป่นขายสร้างรายได้ดี

 นายสุนันท์กล่าวว่า การส่งเสริมและการจัดระบบการตลาดของกลุ่มเกษตรกรจาก อ.ซำสูง แบบครบวงจรนี้ เกิดขึ้นจากแนวคิดการต่อยอดแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ นายไกรสร กองฉลาด นายอำเภอซำสูง เข้ามาผลักดันโครงการ “คนซำสูงไม่ทอดทิ้งกัน” เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของชาวซำสูง ที่มีรายได้ต่อหัวเฉลี่ยเพียง 40,293 บาทต่อปี

 นายไกรสรกล่าวว่า แนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นตัวอย่างซึ่งตนน้อมนำมาปรับใช้กับชาวบ้าน ชวนให้พี่น้องประชาชนร่วมโครงการ โดยเฉพาะโครงการ 3 ห่วง 2 เงื่อนไข และการปฏิบัติตามแนวทางสายกลาง โดยพยายามส่งเสริมอาชีพตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจแบบพอเพียง ให้ชาวบ้านปลูกผักร่วมกันในที่ดินสาธารณะ เน้นเรื่องพออยู่พอกินก่อน อย่างน้อยไม่ต้องซื้อกิน จากนั้นค่อยขยับเหลือจากกินก็มาแบ่งปัน เพื่อสร้างความรักความผูกพันในชุมชน หลังจากแบ่งปันก็ขาย ซึ่งจุดนี้เป็นหนึ่งในโครงการทั้งหมดที่มี 8 แห่งใน อ.ซำสูง แต่ที่บ้านหม้อเป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นตัวจุดประกายให้พื้นที่อื่นๆ ได้ใช้เป็นตัวอย่าง

 "เช่นแปลงผักที่ปลูกผสมผสานที่บ้านหม้อแห่งนี้ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ที่คนในชุมชนร่วมมือกัน เงินก็เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่เรื่องทั้งหมด แต่สิ่งที่ชาวบ้านได้มา นอกจากเงินก็คือความสามัคคี ความเป็นกลุ่มก้อน ความเอื้ออาทรต่อกันและกัน จนทำให้เกิดกลุ่มทำเกษตรผสมผสาน ตามแนวเศรษฐกิจแบบพอเพียง เป็นจุดเปลี่ยนที่สร้างรายได้หลักให้แก่ชาว ”บ้านหม้อ” จ.ขอนแก่น ในปัจจุบันนี้"

 จากการน้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีการลงมือทำอย่างจริงจัง โดยการสนับสนุนอย่างเป็นระบบของหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรเอกชน ที่นอกจากจะทำให้ชาวชุมชนบ้านหม้อมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยลดปัญหาสังคมด้านอื่นๆ เมื่อสังคมที่นี่เริ่มต้นจากที่ทุกคนมีงานทำตลอดทั้งปี และพึ่งตัวเองได้

สมโภชน์ สมบัติ