ข่าว

ไทย ชู จีนเสาหลักค้ำสันติภาพ-เสถียรภาพ-ความรุ่งเรือง-ยั่งยืน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"นายกฯ" เป็น ประธานประชุม "อาเซียน-จีน" ชู "ดินแดนมังกร" เสาหลักค้ำ สันติภาพ-เสถียรภาพ-ความรุ่งเรือง-ยั่งยืน" ภูมิภาค เป็นคู่ค้าเบอร์1 ตั้งเป้าปีหน้า




                 3 พ.ย.2562-"นายกฯ" เป็น ประธานประชุม "อาเซียน-จีน" ชู "ดินแดนมังกร" เสาหลักค้ำ สันติภาพ-เสถียรภาพ-ความรุ่งเรือง-ยั่งยืน" ภูมิภาค เป็นคู่ค้าเบอร์1 ตั้งเป้าปีหน้า มูลค่าการค้า 150,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
 

             เวลา 09.45 น. ที่ห้อง Sapphire 204 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ 22 ภายหลังเสร็จสิ้น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญการหารือว่า การประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ 22 มีขึ้นเพื่อร่วมกำหนดทิศทางความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับจีน พร้อมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศที่อยู่ในความสนใจ ร่วมกัน โดยมีประเทศสมาชิก 10 ประเทศอาเซียน และนายหลีเค่อเฉียงนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าร่วม
 

 

 

 

ไทย ชู จีนเสาหลักค้ำสันติภาพ-เสถียรภาพ-ความรุ่งเรือง-ยั่งยืน

 

 

                   ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่อาเซียนและจีนจะได้เสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ให้สูงขึ้นอีกระดับ เพื่อประโยชน์ร่วมกันและของภูมิภาค ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับจีนถือว่ามีพลวัตมากที่สุดประเทศหนึ่ง จากพัฒนาการความสัมพันธ์ใน 10 ปีที่ผ่านมา โดยถือเป็นเสาหลักสำคัญที่ค้ำจุนสันติภาพ เสถียรภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และความยั่งยืนของภูมิภาค
ไทยในฐานะประธานอาเซียน หวังที่จะเห็นความสัมพันธ์อาเซียน-จีน เจริญเติบโตยิ่งขึ้นไป เพื่อความผาสุกและผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ อาเซียนชื่นชมจีน สำหรับบทบาทในการส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียนในโครงสร้างสถาปัตยกรรมในภูมิภาคและในการช่วยขับเคลื่อนความร่วมมือด้านความมั่นคง เศรษฐกิจความเชื่อมโยง และความร่วมมือระหว่างประชาชนอย่างแข็งขัน
 

 

 

ไทย ชู จีนเสาหลักค้ำสันติภาพ-เสถียรภาพ-ความรุ่งเรือง-ยั่งยืน

 

 

                   นายกฯ กล่าวว่า ในปี 2561 ที่ผ่านมา ครบรอบ 15 ปี ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อาเซียนและจีน โดยได้รับรอง “วิสัยทัศน์ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อาเซียน-จีน ค.ศ. 2030” ที่ถือเป็นแนวทางความสัมพันธ์อย่างรอบด้านระหว่างกัน โดยที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้กระชับความร่วมมือตามวิสัยทัศน์ดังกล่าว เช่น การที่จีนยังคงตำแหน่งคู่ค้าอันดับหนึ่งของอาเซียน และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกันถึง 1 ล้านล้าน และ 150,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ตามลำดับภายในปีหน้า การที่อาเซียนและจีนจะส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกัน โดยมีแผนการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างแผนแม่บทของอาเซียนในเรื่องนี้ (MPAC 2025) กับ BRI ของจีน รวมถึงการสนับสนุนระบบพหุภาคีนิยมและภูมิภาคนิยม เพื่อส่งเสริมเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค

 

 

ไทย ชู จีนเสาหลักค้ำสันติภาพ-เสถียรภาพ-ความรุ่งเรือง-ยั่งยืน

 

 

                   โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญในการรักษาพลวัตด้านความมั่นคงที่ยั่งยืนระหว่างกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ส่งเสริมความไว้เนื้อเชื่อใจในระดับยุทธศาสตร์ และร่วมมือกันเสริมสร้างโครงสร้างสถาปัตยกรรมในภูมิภาคที่มีอาเซียนเป็นแกนกลาง ผ่านกลไกต่าง ๆ
ในด้านเศรษฐกิจ ไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจทางทะเล การสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนกับ Greater Bay Area (GBA) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีพลวัตทางเศรษฐกิจที่สูง รวมทั้งประสงค์ที่จะเชิญชวนให้อาเซียน จีน และรวมถึงประเทศที่สาม มาลงทุนใน EEC ในภาคตะวันออกของไทย โดยไทยยินดีที่จะประกาศว่า อาเซียนและจีนกำหนดให้ปี พ.ศ. 2563 เป็น “ปีแห่งความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน-จีน” ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า จะช่วยขยายโอกาสทางเศรษฐกิจและการค้า เพื่อความมั่งคั่งของภูมิภาค

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ