
พุ่งขัดแย้งตลาดสดปมตาย"สุนัทที "ไฮโซที่ดิน
ตำรวจมุ่งปมขัดแย้งผลประโยชน์ตลาดเนื่องจำนงค์ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ชนวนเหตุดับเศรษฐินีพันล้าน "สุนัทที เนื่องจำนงค์" พร้อมโฟกัสซุ้มมือปืนภาคตะวันออกลงมือ !?!
สุนัทที เศรษฐินีไฮโซวัย 45 ปี มีศักดิ์เป็นญาติกับ "เสี่ยฮวด" อดีตเจ้าพ่อบ้านบึงที่ถูกยิงเสียชีวิต แต่งงานกับ พล.ต.ต.ปิยะชาติ เนื่องจำนงค์ อดีต ผบก.ประจำ ผบ.ตร. ก่อนจะหันมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายแห่ง ตลอดจนเป็นหุ้นส่วนโรงแรมดังย่านฝั่งธนบุรี นอกจากนี้ สุนัททียังเป็นสะใภ้เจ้าของตลาดเนื่องจำนงค์ ใน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ประกอบด้วยตลาดใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ ตลาดโต้รุ่ง ตลาดสด และตลาดใน ต.หนองชาติ ที่กำลังก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมอีก 1 หลัง
ก่อนหน้านี้ตลาดเนื่องจำนงค์มี "ประโยชน์ เนื่องจำนงค์" พ่อสามีของสุนัททีคหบดีผู้มั่งคั่ง เป็นผู้ดูแลทั้ง 3 แห่ง เก็บค่าเช่าแผงเดือนละ 300-500 บาท ต่อมาเมื่อเดือนสิงหาคม 2552 ประโยชน์ได้มอบหมายให้คนใกล้ชิดคนหนึ่งเข้ามาดูแลแทน และได้ขึ้นค่าเช่าแผงจากเดือนละ 300-500 บาทเป็นแผงละ 1,500 บาทเท่ากันหมดทุกแผงของทั้ง 3 ตลาด สร้างความเดือดร้อนและไม่พอใจแก่กลุ่มพ่อค้าแม่ขายในตลาดอย่างมาก ถึงขั้นมีการรวมตัวกันร้องเรียนต่อเสี่ยประโยชน์
เมื่อเรื่องไปถึงหูประโยชน์แล้วเขาตัดสินใจให้สะใภ้สุนัททีเข้ามาดูแลกิจการและการเก็บเงินในตลาดสดแทน โดยสุนัททีคิดค่าเช่าแผงเท่าเดิม คือ 300-500 บาท และให้พ่อค้าแม่ค้านำเงินมาจ่ายให้แก่ประโยชน์โดยตรง สร้างความขุ่นเคืองใจแก่คนใกล้ชิดคนนั้นอย่างมาก
ชุดสืบสวนลงพื้นที่สอบถามบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในตลาดเนื่องจำนงค์หลายคนยืนยันตรงกันว่า การเข้ามาเปลี่ยนแปลงค่าเช่าแผงทำให้สุนัททีถูกคนใกล้ชิดขู่ฆ่าตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมา มีการขู่ฆ่าและหนักข้อถึงขั้นส่งคนถืออาวุธไปข่มขู่ด้วย
ด้วยเหตุนี้เองชุดสืบสวนจึงให้น้ำหนักไปที่ประเด็นขัดแย้งผลประโยชน์ในตลาดเนื่องจำนงค์มากกว่าประเด็นอื่นๆ เช่น โครงการไพร์มเนเจอร์ ซึ่งชุดสืบสวนประสานงานไปที่ สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อตรวจสอบความขัดแย้งในโครงการต่างๆ ของเศรษฐินีพันล้าน และได้รับการยืนยันกลับมาว่า ทุกปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้าของโครงการกับคู่กรณีมักจะดำเนินการฟ้องร้องกันตามกฎหมาย ที่สำคัญสุนัททีไม่ค่อยเดินทางไปที่ชะอำบ่อยนัก ชีวิตส่วนใหญ่อาศัยอยู่แต่ใน จ.ชลบุรี
สำหรับประเด็นขัดแย้งเรื่องที่ "พรรณธฤต หรือพายุ เนื่องจำนงค์" เจ้าของร้านอาหารพายุ ลูกชายคนโตของสุนัททีจัดแสดงคอนเสิร์ต เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีการนำรถแบ็กโฮมาขุดทรายไปถมเป็นเนินเพื่อแสดงคอนเสิร์ตนั้น คู่กรณีมีการเจรจายุติเรื่องราวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อชุดสืบสวนได้ข้อมูลเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทน้ำหนักไปที่เรื่องขัดผลประโยชน์ตลาดเนื่องจำนงค์ ประกอบกับพฤติกรรมมือปืนที่ใช้อาวุธปืนขนาด .38 ก่อเหตุแล้วจึงพุ่งเป้าไปที่ซุ้มมือปืนภาคตะวันออกมากเป็นพิเศษ ?!!
ซุ้มมือปืนภาคตะวันออกมีลักษณะจำเพาะที่แตกต่างคือ ส่วนใหญ่นิยมใช้ปืน .38 ลูกโม่ เพื่อไม่ให้ปลอกกระสุนตกในที่เกิดเหตุ กลายเป็นหลักฐานสาวไปถึงตัวคนร้าย เมื่อผู้ต้องสงสัยอยู่ในชลบุรีก็น่าจะใช้คนพื้นที่ ระหว่างนี้จึงอยู่ระหว่างการหาพยานหลักฐานมาสนับสนุนสมมติฐานนี้
อย่างไรก็ดีผลการผ่าศพชันสูตรของแพทย์สถาบันนิติเวชวิทยาเป็นการยืนยันถึงฝีมือขั้นพระกาฬของมือปืนรายนี้ โดยแพทย์ระบุว่าเหยื่อถูกยิงเข้าสะบักขวา 1 นัด ใต้รักแร้ขวา 1 นัด และหลังขวาอีก 1 นัด สาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากกระสุนตัดขั้วหัวใจทำให้เสียชีวิตในทันที นอกจากนี้ ยังสามารถเก็บหัวกระสุนขนาด .38 ได้ในร่างกาย 2 หัว
เมื่อนำมาประกอบเข้ากับแผนประทุษกรรมของคนร้ายที่ได้จากพยานที่เห็นเหตุการณ์ พบว่ามีความสอดคล้องกัน พยานให้การว่าเห็นคนร้ายเป็นชาย 1 คน สูงประมาณ 170 เซนติเมตร อายุระหว่าง 25-35 ปี สวมเสื้อสีเทา กางเกงยีน สวมหมวกปิดบังใบหน้า เดินเข้าไปหาสุนัททีที่กำลังจะเลี้ยวรถผ่านหน้า เนื่องจากรถติดฟิล์มมืดกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ทำให้คนร้ายเดินเข้าไปในลักษณะเฉียงและลงมือยิงเข้าใส่ระหว่างขอบประตูหน้าขวากับประตูหลัง กระสุนเกาะกลุ่มเข้าซีกขวาทั้งหมด
ตามปกติแล้วสุนัททีจะใช้รถบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฌต 356 กรุงเทพมหานคร ไปไหนมาไหนตลอด ดังนั้น การที่คนร้ายมาดักรออยู่ที่โครงการไพร์ม เนเจอร์ วิลล่า ถนนสุขาภิบาล 2 ซอย 11 แขวงและเขตประเวศ กรุงเทพฯ ก่อนจะตรงเข้าไปลงมืออย่างใจเย็น บ่งบอกถึงทีมสังหารมีการสะกดรอยตามเหยื่อมานานติดต่อกันหลายวันแล้ว และมีคนชี้เป้ายืนยันตัวเหยื่อ
พอถึงวันปฏิบัติการจึงลงมืออย่างไม่ลังเล !?!