ทนายรณรงค์เผยพฤติกรรมเสี่ยกำมะลอสุดแยบยลลวงสาวแต่งงาน

จากกรณี พริตตี้สาวชาว จ.บุรีรัมย์ เข้าพบทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอความเป็นธรรมหลังเธอถูกนายเท็น (นามสมมติ) ที่โกหกเธอว่าเป็นนักธุรกิจด้านการเงินมีทรัพย์สินมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท

หลอกให้เธอแต่งงานก่อนทิ้งหนี้สินให้เธอกว่า 3.5 ล้านบาทหลบหนี นอกจากนี้เงินค่าสินสอด 1.6 ล้านบาทก็ถูกเอาไปด้วย

น.ส.ดา (นามสมมติ) จึงได้เข้าปรึกษา ทนายรณณรงค์ สามารถดำเนินการทางกฎหมายย่างไรได้บ้าง

โดยหากไล่เรียงจากที่ น.ส.ดา เล่านั้น พบว่า ได้เจอนายเท็น เจ้าบ่าว เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2562 ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง จากนั้นเพียง 1 วัน นายเท็นขอแต่งงาน ตนจึงได้ตกลงจดทะเบียนสมรสกันที่เขตห้วยขวาง เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2562 และจัดงานแต่งงานเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ที่โรงแรมหรูใน จ.บุรีรัมย์ ทั้งคู่ใช้เวลาตั้งแต่เริ่มคบดูใจ จนกระทั่งหย่าร้างรวมระยะเวลาแค่ 8 เดือนเท่านั้น

 
สำหรับค่าดำเนินการต่าง ๆ นั้น แบ่งออกเป็น จ้างออร์แกไนซ์ราคา 2.6 ล้านบาท, ค่าโรงแรม 380,000 บาท, ค่าดนตรี 120,000 บาท, ค่าเครื่องดื่ม 50,000 บาท, ค่าชุดเจ้าสาว 52,000 หมื่นบาท และค่าชุดเพื่อนเจ้าสาว 35,000 บาท นอกจากนั้นมีการตกลงทำหนังสือสัญญาซื้อขายทองคำหมั้นจำนวน 25 บาท ราคา 860,000 บาท และเช็คเงินสด 1.6. ล้านบาท เบ็ดเสร็จแล้วกว่า 5.7 ล้านบาท 

ขณะที่แม่ของฝ่ายหญิงที่โดนหลอกได้เล่าวว่า  ก่อนที่ฝ่ายชายจะมาขอลูกสาวแต่งงาน ทางครอบครัวเคยเห็นหน้าฝ่ายชายเพียงครั้งเดียว คือวันที่มางานศพของตา หลังจากนั้นลูกสาวก็มาบอกว่าฝ่ายชายขอแต่งงาน ทำให้คนในครอบครัวไม่มีใครรู้ประวัติของฝ่ายชายเลย ว่าเป็นใครมาจากไหน แค่ลูกสาวมาเล่าให้ฟังว่าเขาเป็นคนมีฐานะ ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง ก็ไม่ได้ไปซักอะไรมาก ในฐานะคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ดีใจที่ลูกได้แต่งงาน แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้

ขณะเดียวกันทีมข่าวคมชัดลึกได้สัมภาษณ์ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าของคดีดังกล่าว ถึงจุดประสงค์หลักที่ผู้ชายคนนี้มาหลอกแต่งงานกับพริตตี้สาว จ.บุรีรัมย์ ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นนั้นคาดว่า ทางฝ่ายชายอยากได้ตัวผู้หญิงไปเลี้ยงดูจึงใช้กลอุบายหลอกล่อ ซึ่งก่อนหน้าที่จะแต่งงานกันนั้น ทางฝ่ายชายเคยส่งเสียฝ่ายหญิงเป็นเงินเดือนละ 7 หมื่นบาท อยู่ 2 เดือน หลังจากแต่งงานกันก็ไม่เคยส่งเสียแต่อย่างใด ขณะเดียวกันยังพบว่าฝ่ายชายมีประวัติเคยจดทะเบียนสมรสกับบุคคลอื่นแบบนี้มาทั้งหมด 5 ราย วิธีการหลอกลวงก็จะแตกต่างกันออกไป โดยใช้วิธีจดทะเบียนแล้วก็หย่า  ทั้งนี้ฝ่ายชายยังไม่ได้เดินทางเข้ามาให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด พบว่าเจ้าตัวอาศัยอยู่แถวพหลโยธิน

CR.อมรินทร์