นักบินนาซาถูกกล่าวหาขโมยข้อมูลส่วนตัวขณะอยู่ในอวกาศ 

องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ (นาซา ) กำลังสอบสวนรายงานที่อาจจะเป็นการก่ออาชญากรรมครั้งแรกในอวกาศจากกรณีที่ พ.ท. แอน แมคเคลน นักบินอวกาศ ถูก ซัมเมอร์ วอร์เดน ภรรยาที่แยกกันอยู่ กล่าวหาว่าแอบส่องบัญชีของเธอ ขณะที่อีกฝ่ายประจำการบนสถานีอวกาศนานาชาติ (ไอเอสเอส) ราว 6 เดือน เพื่อเตรียมตัวท่องอวกาศของนาซาครั้งแรกโดยนักบินเป็นผู้หญิงทั้งหมด

ทั้งสองแต่งงานในปี 2557 วอร์เดน ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่กรมข่าวกองทัพอากาศ ฟ้องหย่าในปี 2561 หลังแมคเคลนกล่าวหาวอร์เดนทำร้ายร่างกาย  วอร์เดนปฏิเสธ อ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามช่วงชิงสิทธิดูแลลูกชาย  ไม่กี่เดือนต่อมา แมคเคลนถูกส่งไปไอเอสเอส  จากนั้น วอร์เดนพบว่าอีกฝ่ายเข้าดูบัญชีธนาคารของเธอ  

วอร์เดน ร้องเรียนคณะกรรมการการค้าสหพันธ์ว่า ถูกแมคเคลนขโมยข้อมูลส่วนตัว  ขณะที่บิดามารดาของวอร์เดน ได้ร้องเรียนอีกทางไปที่สำนักงานสอบสวนของนาซา กล่าวหาว่านักบินอวกาศเมคเคลน เข้าดูบันทึกทางการเงินส่วนตัวของวอร์เดน และพยายามหาความได้เปรียบเพื่อให้ได้สิทธิดูแลลูกชาย 

รัสดี ฮาร์ดิน ทนายของแมคเคลน บอก นิวยอร์กไทมส์ ว่าลูกความปฏิเสธอย่างแข็งขันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด หรือไม่เหมาะสม และให้ความร่วมมือสอบสวนอย่างเต็มที่ และว่าแมคเคลนสอดส่องบัญชีเพื่อความแน่ใจในความเป็นอยู่ของลูกชายที่ทั้งสองเลี้ยงดูอุ้มชูกันมา โดยใช้รหัสเข้าถึงบัญชีเดียวกันกับที่เคยมีสมัยยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

พนักงานสอบสวนของนาซา ติดต่อคู่กรณีเพื่อสอบสวนข้อกล่าวหาแล้ว  

โฆษกฯนาซา กล่าวว่า  พ.ท.แอน แมคเคลน เป็นทหารที่เคยประกอบคุณงามความดี  เคยปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจรบที่อิรัก และเป็นหนึ่งในนักบินอวกาศแถวหน้าของนาซา เธอทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมกับภารกิจบนไอเอสเอสของนาซาเมื่อไม่นานนี้ แต่ไม่ขอแสดงความเห็นใดหากเป็นเรื่องส่วนตัว 

นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า หน่วยสอบสวนของนาซาได้สัมภาษณ์เมคเคลน ภายใต้คำสาบานแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน เธออ้างว่าสิ่งที่ทำเป็นแค่พฤติกรรมเดิมที่วอร์เดนเคยเห็นพ้องให้ทำได้เพื่อบริหารการเงินของครอบครัว 

ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีเหตุที่เรียกได้ว่าเป็นการกระทำผิดอาญาจากอวกาศ  แต่ตามข้อตกลงที่หน่วยงานอวกาศสหรัฐ รัสเซีย แคนาดา ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป ที่ร่วมดูแลรักษาไอเอสเอส ได้วางกรอบระเบียบว่าด้วยเขตอำนาจศาลไว้นานแล้วว่า ให้แต่ละประเทศดำเนินการตามต่อบุคลากรตามสัญชาตินั้น และนี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่นำกรอบกฎหมายนั้นมาใช้