ข่าว

โรคจิตสำนึกตายด้าน

โรคจิตสำนึกตายด้าน

21 พ.ย. 2552

อ่า! ผู้เฒ่าจิ๋วนับเป็นคนมากฉายา หลังจากการเดินทางไกลกว่า 2 แสนไมล์ ก็ยังไม่ไปไหน ลากโซ่ข้อกลางวนเวียนอยู่ที่เดิม สลับกับการใส่แอกติดยี่ห้อพรรคเพื่อคนหนีคุก ในตำแหน่งประธาน และดูท่าทีคงชอบสถานภาพนี้มาก

 การที่ผู้เฒ่าจิ๋วเดินเวียนที่เดิมเป็นเพราะการพูดจาเฟอะฟะ สาระติดๆ ขาดๆ เหมือนฟิล์มหนังม้วนเก่าคร่ำคร่า ฉายครั้งใดมีเส้นพร่าเหมือนฝนตก

 ล่าสุด ได้ข่าวว่าผู้เฒ่าจิ๋วต้องเข้าโรงซ่อมสุขภาพอีกรอบ หลังจากเดินสายพบปะผู้นำต่างชาติ ชักศึกเข้าบ้าน จนสังขารรับกับความตรากตรำไม่ไหว หรือเป็นเพราะความเอ้อๆ อ้าๆ เรื่องราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซียก็เป็นได้

 สมควรได้รับฉายา “จิ๋ว โรมานอฟ” แบบได้คะแนนเต็มๆ

 ถ้ามองย้อนหลัง ฉายาของผู้เฒ่าจิ๋วได้มาแต่ละครั้งนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะโชคช่วย เริ่มต้นจาก “จิ๋ว ขงเบ้ง” จอมยุทธการ นักประสานสิบทิศ จนเป็น “จิ๋ว หวานเจี๊ยบ” และ “จิ๋ว คาเฟ่” ส่วน “จิ๋ว อีสานเขียว” “จิ๋ว น้ำโขง” ก็ได้รับเช่นกัน

 ที่โด่งดังเข้าหูเข้าตาประชาชนคือ “จิ๋ว อัลไซเมอร์” นั่นเอง!

 การที่เป็นผู้รู้มาก รู้เยอะ ครอบจักรวาล ตั้งแต่ซ่อมวิทยุ ซื้ออาวุธ คุมคิวมอเตอร์ไซค์ และสร้างทางหนีออกนอกประเทศ ทำให้การสื่อความหมายในการพูดจาแบบผิดๆ ถูกๆ สร้างความสับสนวุ่นวายบ่อยครั้ง จึงต้องมีล่ามแปล

 “จิ๋ว โรมานอฟ” เป็นฉายาซึ่งเหมาะกับ “จิ๋ว เปรสิเดียม” ซึ่งสร้างความฮือฮาหลายปีก่อนหน้านี้ ความคิดฝังลึกจึงแทรกออกมาให้ประชาชนได้รับรู้ว่าตัวตนแท้จริงนั้นเป็นอย่างไร! ประเด็นนี้เป็นข้ออ้างที่เวอร์เกินไป

 ใครจะอ้างว่ารู้จักรู้ใจผู้เฒ่าจิ๋วได้ เพราะ ”จิ๋ว โรมานอฟ” ก็ยังไม่รู้จักตัวเองด้วยซ้ำ พฤติกรรมแต่หนหลังฟ้องให้เห็นชัดว่าความเลอะเลือนในการสื่อสารจึงทำให้สาธุชนที่รู้จักต่างเชื่อมั่นว่า “อัลไซเมอร์” นั้นเป็นความจริง

 การเข้ารักษาสุขภาพในโรงพยาบาลเป็นเพราะผิดหวังไม่ได้เป็นฮีโร่ในการเป็นตัวกลาง กรณีผู้นำกัมพูชารับบทโจรลักพาตัวประกัน วิศวกรชาวไทยไปกักตัวเพื่อเรียกค่าไถ่หรือไม่ หลังจากถูกเสนอชื่อโดยคนหนีคุกแห่งดูไบ

 หรือเป็นเพราะการเจ็บป่วยนั้นเกิดจากผลพวงของแนวคิด “ล้มทุน ล้มปืน ล้มเจ้า” เคยดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา รับเหรียญกล้ารามาธิบดี แล้วเปลี่ยนเส้นทางเดิน ไปรับใช้คนหนีคุก ทรยศต่อชาติ ชักศึกจากกัมพูชาเข้าบ้าน

 ใครคิดคด รับใช้คนทรยศต่อชาติ มักมีอันเป็นไป ไม่ช้าก็เร็ว!

 หรือใครเกี่ยวโยงกับขบวนการดูไบ ต้องเดี้ยงทุกราย ดังเช่นอดีตนายพลคนเสียงดัง เคยได้ตำแหน่งเด่น ต้องเกือบดับเพราะรถคว่ำ ขาหัก นอนเดี้ยง ผลของอุบัติเหตุทำให้คนเสียชีวิต 1 ราย สาหัสเพราะขาหัก 1 ราย

 หรือมีคนเด่นดัง เป็น ส.ส. แต่สวามิภักดิ์ต่อน้ำเลี้ยง ก็หูเดี้ยงดับ เข้าโรงพยาบาล แถมมีข่าวร่ำลือน่าใจหายว่ากล้ามเนื้อหัวใจตายด้าน

 แบบนี้จะมาห้ามไม่ให้เชื่อว่าเวรกรรมมีจริง คงไม่ได้แล้วมั้ง!

 ดังนั้น “จิ๋ว โรมานอฟ” ผู้นำกองทัพนายพลชรา ทหารรับจ้างหลงยุค น่าจะฉุกคิด ว่าหลังจากถูกเตือนกรณีเสียคนตอนแก่หลายครั้ง กลายเป็นซากปรักหักพังแห่งประวัติศาสตร์การเมืองน้ำเน่า ถึงเวลากลับตัวกลับใจหรือไม่

 ยังไม่นับว่าเพิ่งสึกจากการบวชพระมาได้ไม่ถึง 3 เดือน กลิ่นผ้าเหลือง ควันธูปเทียน น่าจะยังไม่จางหายไปจากเจตนาสิกเร็วขนาดนั้น เว้นแต่ว่ากิเลสแห่งความต้องการอำนาจมีอิทธิพลเหนือจิตใจจนยากจะเปลี่ยนได้แล้ว

 การเป็นประธานพรรคเพื่อคนหนีคุก ย่อมรู้ว่าเมื่อมีส่วนรู้เห็น วางแผน หรือเป็นใจกับขบวนการล้มสถาบัน ซึ่งจะจัดชุมนุมใหญ่วันที่ 29 เดือนนี้ เปิดสงครามกับรัฐบาล หวังจัดการให้เด็ดขาด เป็นสิ่งที่ควรจะห้ามปรามหรือไม่

 เกิดมาชาติหนึ่งจะยอมให้สังคมวิญญูชนตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศต่อแผ่นดิน ตายไปคงนอนตาไม่หลับ ลูกหลานได้รับผลพวงของเวรกรรมด้วย

 ยุคนี้แหละที่บรรดานายพลเกษียณอายุไม่รู้สึกอับอาย หลังจากถูกสังคมประณามว่าเป็นคนคิดคดทรยศขายชาติ เพียงแลกกับเงินไม่กี่ล้านบาท

 พิสูจน์อีกครั้งว่า เมื่อถึงจุดหนึ่ง ทุกคนย่อมเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตน แม้จะต้องเป็นผู้ทรยศต่อแผ่นดินเกิด ด้วยการสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย

 และเป็นยุคนี้เช่นกัน กลไกการรักษากฎหมาย ความมั่นคงของชาติ เหมือนเป็นอัมพาต แม่ทัพนายกองซึ่งมีหน้าที่ปกป้องรักษาชาติ ต่างเพิกเฉย ถือเป็นธุระไม่ใช้ ทำตัวเหมือนเป็นผู้ไม่รู้หน้าที่ และทรยศต่อประชาชนเช่นกัน

 ท้ายที่สุด ความรับผิดชอบตกอยู่กับผู้นำรัฐบาล ซึ่งอยู่ในสภาพลุ่มๆ ดอนๆ ปล่อยให้สถานการณ์พาไป เหมือนอยู่ไปวันๆ ตามกระแส จิตสำนึกของภาระหน้าที่ถูกขบวนการแวดล้อมเบี่ยงเบนทำให้เสียศูนย์ ไม่เป็นตัวของตัวเอง

 แถมยังให้ทหารนอกแถวเอาเครื่องยิงระเบิดมาฆ่าคนซ้ำซากด้วยนิ! อิอิอิ!!!