
นักวิชาการชี้ ครม.ใหม่ ห่วงเสถียรภาพมากกกว่าประสิทธิภาพ
นักวิชาการ ชี้ การจัดตั้ง ครม.ประยุทธ์ 2 ห่วงเสถียรภาพตัวเองมากกว่า ประสิทธิภาพ และการแก้ปัญหาประเทศชาติ ด้าน สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ มองทีมเศรษฐกิจคนหน้าเดิม
ดร. สติธร ธนานิธิโชติ นักวิชาการ สถาบันพระปกเกล้า มอง ครม.ชุดใหม่หรือ “ครม.ประยุทธ์ 2 ”ว่า โดยสภาพก็ได้เท่านี้ การจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้มองในเรื่องประสิทธิภาพ ประสิทธิผล การตอบปัญหาประเทศชาติ และประชาชนเท่าไหร่ แต่ห่วงในเรื่องเสถียรภาพเป็นเรื่องใหญ่ จัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีตามที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องการ ก็ต้องแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรีให้ลงตัว ก็ต้องจัดตั้งรัฐบาลแบบนี้ คือแม้จะเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ แต่ถ้าผนึกกันได้ลงตัว รัฐบาลก็อยู่กันได้ เพราะว่าถ้าจัดตั้งรัฐบาลแบบหักดิบก็อยู่ยาก จึงจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีแบบทุกคนในรัฐบาลสบายใจ
" การที่ไม่ได้มองในเรื่องความรู้ ความสามารถของคนที่เป็นรัฐมนตรีว่าเหมาะสมกับกระทรวงนั้นเป็นสำคัญ เอานักการเมืองไปนั่งเป็นรัฐมนตรี ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ก็ต้องดูว่านักการเมือง เขามีทีมงานหรือเปล่า ถ้าไม่มีทีมก็ต้องพึ่งข้าราชการประจำ การเมืองก็จะย้อนยุคไปที่เทคโนแครตนำ ซึ่งในยุครัฐบาลที่แล้ว รัฐบาล คสช. ก็ขับเคลื่อนโดยข้าราชการอยู่แล้ว ซึ่งข้าราชการก็แฮปปี้ถ้านักการเมืองไม่เข้ามายุ่งเยอะ"
อาจารย์สติธร ยังมองว่า เมื่อดูจากตัวรัฐมนตรี ซึ่งหลายคนก็เป็นคนเดิมจากรัฐบาลที่แล้ว ก็ชัดเจนว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ แต่ไม่ได้สยายปีกเอาหมด โดยเอาเฉพาะคนสำคัญๆจากรัฐบาลเก่ามาเป็นรัฐมนตรี และเลือกกระทรวงสำคัญๆ เช่น กลาโหม มหาดไทย ส่วนกระทรวงทางด้านเศรษฐกิจ ก็ในนามพรรคพลังประชารัฐ มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ อาจารย์วิษณุ เครืองาม ก็ดูกฎหมาย ที่เหลือก็ให้นักการเมืองไป นอกนั้นก็เอาคนของรัฐบาลเก่าไปเป็นสมาชิกวุฒิสภา ( ส.ว.) คอยค้ำจุนรัฐบาล และมีการวางคนในองค์กรอิสระ ก็บริหารจัดการสไตล์ทหาร
“ ส่วนที่มีรัฐมนตรีบางคนเป็นเป้าสายล่อฟ้า มีคดีติดตัวหรือประวัติไม่ค่อยดี ก็มีผลดีในแง่ที่ว่า เมื่อรัฐมนตรีคนนั้นไปไม่ไหว ก็ปรับออกเอาคนที่รอคิวอยู่มาเป็นแทน หมุนเวียนไป ก็มีผลดีในแง่การจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาลไปในตัว พล.อ. ประยุทธ์ คงไม่ให้ราคากับนักการเมืองเท่าไหร่ จะซีเรียสก็เฉพาะเมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับคนของ พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น นักการเมืองก็เป็นเพียงไม้ประดับ ก็ขึ้นอยู่กับว่า นักการเมืองอยากเป็นไม้หลักบ้างหรือเปล่า เพราะบางทีนักการเมือง อาจมองว่าตนเองมาจากการเลือกตั้งเป็นคนพายเรือให้ พล.อ.ประยุทธ์ นั่ง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ อาจมองกลับกันว่าที่่นักการเมืองเหล่านี้ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาก็เพราะ พล.อ. ประยุทธ์ ดังนั้น พล.อ. ประยุทธ์ จึงเป็นคนพายเรือให้นักการเมืองนั่ง
รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐกิจและการเมือง มอง ครม.ชุดใหม่ ว่า ไม่ค่อยเปลี่ยนจากรัฐบาลชุดก่อนเลย หากมอง ครม.ทางด้านเศรษฐกิจหัวใจก็ยังเป็นนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์และตัวหลักๆเดิม อาจจะมีมาแซมบ้างในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ดังนั้นแม้รัฐบาลนี้จะมาจากหลายพรรคแต่ทิศทางเศรษฐกิจก็ไม่ได้แตกต่างจากรัฐบาลชุดที่แล้วเลย คือ ตัวคนที่จะผลักดันในเรื่องอีอีซี แต่อาจมีความแตกต่างในเรื่องของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการแก้ปัญหาราคาพืชผล เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลให้ความสำคัญมากในเรื่องการแก้ปัญหาราคาพืชผลหลักๆเช่น ข้าว ,ยางพารา ,ปาล์ม ,มันฝรั่ง ซึ่งคือการเพิ่มรายได้ให้กับชาวไร่ ชาวนา แต่ก็ไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าชั่วคราว ไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันของชาวไร่ชาวนา ที่สำคัญต้องดูว่ามีการปรับโครงสร้างของพืชผลเกษตรหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนอยากเห็น
“ ดังนั้นโดยภาพรวมผมเห็นว่าทิศทางในด้านเศรษฐกิจไม่ได้แตกต่างจากรัฐบาลชุดที่แล้ว คือเน้นในเรื่องพัฒนา สาธารณูปโภคพื้นฐาน ส่วนในด้านเกษตรแม้ว่าจะมีความตั้งใจ แต่ก็เป็นนโยบายที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า คือการแก้ปัญหาความเดือดร้อน แต่ไม่ได้แก้ศักยภาพในการแข่งขันของระบบและการแก้ปัญหาในเชิงโครงสร้างความแตกต่างระหว่างรวยกับจน ซึ่งรัฐบาลต้องทำการบ้านในเรื่องนี้"
นักวิชาการอิสระท่านนี้ ยังมองว่า สิ่งที่รัฐบาลชุดใหม่นี้จะต้องเจอ คือเศรษฐกิจโลกขาลงซึ่งแตกต่างจากรัฐบาลชุดก่อนที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงขาขึ้น ดังนั้นรัฐบาลต้องโชว์ฝีมือมากกว่าเก่าคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะไม่มีตัวช่วยจากต่างประเทศคือเศรษฐกิจโลก และเมื่อเป็นเศรษฐกิจขาลง รัฐบาลต้องบริหารเสถียรภาพไม่ใช่กระตุ้นอย่างเดียว และจุดอ่อนของรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ได้แก้ปัญหาในเชิงโครงสร้าง ไม่ได้มีการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เอสเอ็มอี หนี้ครัวเรือนก็เพิ่มขึ้นทุกปี และเมื่อเศรษฐกิจเป็นช่วงขาลงซึ่งก็จะส่งผลกระทบแรงกระเพื่อมต่อรัฐบาลสูงขึ้น รัฐบาลจึงต้องบริหารให้ดีในเรื่องโครงสร้าง ซึ่งเป็นสิ่งท้าทายรัฐบาลชุดนี้
"แต่มีข้อดีอย่างหนึ่งของรัฐบาลชุดนี้ คือ รัฐบาลชุดก่อน การบริหารเศรษฐกิจอยู่ในทีมของนายสมคิดหมดเลย ซึ่งการบริหารเศรษฐกิจไม่ควรจะเป็นหนึ่งเดียว ควรจะมีความคิดที่แตกต่าง แต่คราวนี้มีพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมดูแลด้วย คือกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ เป็นเรื่องที่ดี จะได้ไม่ไปด้านเดียว มองกว้างขึ้น มีเอกภาพแต่เป็นเอกภาพภายใต้ความแตกต่าง และมีจุดเน้นในเรื่องชาวไร่ ชาวนา ซึ่งรัฐบาลชุดก่อนไม่มี "