สามสมเด็จกับวงศ์อสัญแดหวา (2) | คมชัดลึก

อ้างว่าไม่มีประสบการณ์ในชั้นเชิงทางการทูต โดยจะให้ เนียง ภัต คนของตัวเองขึ้นมาแทน นอกเหนือจากตั้ง นายพลพล เสริญ เด็กเส้นสายของตัวเองขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบกแทน เค คิม เอี้ยน ที่แสดงตัวชัดว่าเป็นคนของเจีย ซิม

 ถึงแม้จะปลดเตีย บันห์ ไม่สำเร็จ แต่การดันนายพลพล เสริญ เป็นผู้บัญชาการทหารบกก็เท่ากับว่าฮุน เซน สามารถรวบอำนาจในกองทัพไว้ในมือแต่ผู้เดียว หลังจากยึดกุมอำนาจเด็ดขาดในหน่วยทหารพรานผ่านเซา ซกฮา และในกองบัญชาการตำรวจแห่งชาติผ่านฮก ลุนดี แผนการต่อไปก็คือเร่งผลักดันฮุน มาเนตร ลูกชายคนโตให้ขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการทหารบกโดยเร็วที่สุด

 ช่วงที่เจีย ซิมกับฮุน เซน เปิดศึกชิงอำนาจยกใหม่นี้ สมเด็จเฮง สัม ริน ประธานกิติมศักดิ์ของพรรค ยังคงสงวนท่าทีทำตัวเป็น "อยู่บนภู ดูเสือกัดกัน" แม้ว่าจะค่อนข้างหนุนเจีย ซิม เนื่องจากมองว่าฮุน เซน กำลังรวบอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไว้ในมือมากขึ้น โดยตำแหน่งใหญ่ๆ จะเป็นของพรรคพวกตัวเอง ส่วนตำแหน่งรองหรือระดับล่างลงไปค่อยเป็นคนของเจีย ซิมหรือเฮง สัมริน

 ห้วงเดียวกับที่ "สามสมเด็จ" เปิดศึกชิงอำนาจกันอย่างเงียบๆ "สามสมเด็จ" ต่างก็พยายามกระชับความสัมพันธ์ผ่านการจับคู่แต่งงานในหมู่ลูกหลานเพื่อจะร่วมเป็นวงศ์อสัญแดหวาเดียวกัน อันเป็นการสืบทอดธรรมเนียม "คลุมถุงชน" ที่นิยมทำกันมานานตั้งแต่โบร่ำโบราณ

 แม้กระทั่งผู้นำเขมรแดงอย่าง พล พต กับ เอียง ซารี ก็ยังกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นผ่านการร่วมวงศ์อสัญแดหวาเดียวกัน โดยพล พต แต่งงานกับ เขียว พรนารี ส่วน เอียง ซารีก็แต่งงานกับ เขียว ธิริด น้องสาวของเขียว พรนารี และเมื่อเขมรแดงยึดกุมอำนาจการปกครองแล้ว ทั้ง 4 คนก็ได้รับสมญาว่า "แก๊ง 4 คน" เลียนแบบ "แก๊ง 4 คน" ของจีน

 การร่วมวงศ์อสัญแดหวาในหมู่นักการเมืองกัมพูชารวมทั้ง "สามสมเด็จ" เริ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้เอง นับตั้งแต่สมเด็จเจีย ซิม เริ่มฟื้นฟูประเพณีนี้เมื่อต้นปี 2539 เมื่อให้เจีย ปิน ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของนักธุรกิจชั้นนำของประเทศ ตามด้วยการแต่งงานของลูกชายของปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวกับลูกสาวของอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเสียมราฐ

 ปี 2540 ที่เกิดวิกฤติต้มยำกุ้งนั้นเชื่อกันว่าเป็นปีที่ไม่ดีสำหรับการครองคู่ ปีนั้นจึงไม่มีการจับคู่แต่งงานในหมู่บุตรหลานของนักการเมืองใหญ่ในประเทศนี้

บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์