
"ฉาย บุนนาค" เล่าโดนเต็มๆวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ปี 51-52
"ฉาย บุนนาค" เล่าโดนเต็มๆวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ปี51-52 ตั้งกฎเหล็ก 3 ข้อ สำหรับนักเล่นMargin loan และ Tfex
ถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์ตรงจากเวทีตลาดหุ้น ชนิดไม่ต้องเก็บงำเคล็ดวิชาใด ๆ เพราะทุกอย่างคือบทเรียนสำคัญ ที่ “ฉาย บุนนาค” เผชิญหน้าด้วยตัวเองและทุกมิติชีวิตจากมุมมองนักลงทุนระดับอนุบาล สู่ย่างก้าวคนที่สามารถยอดรายได้เป็นสิบ ๆ ล้าน และกลายเป็นอีกหนึ่งชื่อที่วงการตลาดหลักทรัพย์รู้จัก จนวันนี้สามารถบอกกับใคร ๆ ได้เลยว่า ปัจจัยความสำเร็จ หรือ ล้มเหลว ในการซื้อขายหุ้น แท้จริงแล้วไม่ต้องมองอื่นไกล … ???
และนี่คืออีกบทเรียนหนึ่งที่ “ฉาย บุนนาค” เขียนถ่ายทอดผ่านคอลัมน์ “พอเพียง อย่างพอใจ” ชี้ชัด ๆ ถึงกฎเหล็ก 3 ข้อที่ทำให้การลงทุนหุ้นไม่สุ่มเสี่ยงจนเกิดหายนะ !!!
"ช่วงปี 2550-2551 ผมเมามันกับการใช้ชีวิตอย่างมัวเมา … เราเรียกมันว่า "ชีวิตแบบ Wall Street" ทุกวันผมตื่นมาทำงานด้วยความกระตือรือร้น เต็มเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นและพร้อมสู้ศึกในตลาดหุ้น
ความคิดและมุมมองที่เปิดกว้างเป็นจริตสำคัญในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ผมชอบศึกษาประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นและวิเคราะห์เหตุแห่งความสำเร็จและผิดพลาดในอดีต
เป็นเรื่องปรกติที่นักเลงหุ้น เจ้าของบริษัท และผู้บริหารจะพบปะสังสรรค์กันบ่อยครั้ง คล้ายๆ แบบ secret society แต่อาจจะมีก๊วนมีมุ้งของแต่ละกลุ่มต่างๆ กันไป แต่ความเชื่อมโยงมักมีเสมอ
ช่วงนั้นเหมือนได้ยกระดับตนเองไปในสังคมอีกชั้น ราวกับได้เลื่อนขั้นสู่ลีกสูงสุดในวงการตลาดหุ้นไทย… หากจริงแท้ผมเดินถอยหลังลงคูในด้านความเป็นคนและการใช้ชีวิต
กลางคืน… ร้านอาหารชั้นเลิศ เหล้า ยา ปลาปิ้ง ผู้หญิง ไม่มีขาด … work hard play hard คือบัญญัติชีวิตพวกคนหาเงินง่ายอย่างเรา (ก่อนแต่งงานนะครับ 555)
มีเพียงสิ่งเดียวที่ผมไม่ชอบยุ่งเกี่ยวคือ การพนัน เพราะผมไม่ชอบอยู่ในเกมของผู้อื่น และผมคิดว่าการเล่นหุ้นก็เสี่ยงมากพอแล้ว
สำหรับตลาดทุน อาวุธและแต้มต่อสำคัญคือทุน ชีวิตที่มีแรงเหวี่ยงสูงทำให้ผมชอบทำอะไรแบบสุดโต่งอยู่แล้ว
ฉาย บุนนาค กล่าวอีกว่า ผมจึงกู้ Margin Loan มาเล่นหุ้นแบบไม่กลัวเสีย (Margin Loan คือการที่เรานำหุ้นหรือเงินสดไปค้ำประกันกับบริษัทหลักทรัพย์เพื่อซื้อหุ้น)
แต่ผมไม่แนะนำให้นักลงทุนเล่น Margin loan และ Tfex เลย หากท่านไม่มีประสบการณ์เพียงพอและเงินสำรองเผื่อชำระหนี้ทั้งหมด
แต่หากท่านยังดึงดันจะทำ … กฏเหล็ก 3 ข้อที่ผมแนะนำจากประสบการณ์คือ
1.หลีกเลี่ยงหุ้นที่ราคาผันผวนสูงเพราะอาจทำให้ถูก force sell ได้ง่าย
2.ห้ามซื้อหุ้นตัวเดียวทั้งพอร์ทมาร์จิน เราควรกระจายความเสี่ยง
3.หลีกเลี่ยงหุ้นที่ไม่มีสภาพคล่อง เพราะยามวิกฤติมาเยือนหุ้นเหล่านี้อาจจะไม่มี BID หรือแรงซื้อให้ท่านขาย ส่งผลให้ราคาปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วและถูก force sell
Margin loan และ Tfex อาจจะทำให้ท่านล้มละลายหรือเสียเงินทุนแทบทั้งหมดได้เพียงไม่กี่อึดใจ เรียกได้ว่านรกกับสวรรค์ สามารถพบเจอได้พร้อมกันในวันเดียว
ฉาย บุนนาค กล่าวทิ้งท้ายว่า ช่วงปี 2551-2552 วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ (Hamburger Crisis) หรือ วิกฤติสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Subprime Mortgage Crisis) ส่งผลกระทบให้ดัชนีหุ้นไทยลดลงเหลือเพียง 400 กว่าจุด หุ้นทั้งกระดานพังยับเยิน
ผมเสียหายเละมากกว่าปรกติเพราะการเล่นมาร์จินและ Tfex … นักลงทุนมากมายกลับมานั่งเลียแผล และนักลงทุนไม่น้อยได้ล้มหายตายจากไปกับมรสุมลูกนี้ ราวกับบททดสอบสำคัญเพื่อวัดระดับกระดูกแต่ละเบอร์ของนักลงทุน" ??