ข่าว

เปิดใจหนุ่มอุดรพ่อรับเลี้ยงเด็กที่ถูกลักพาตัวไป

เปิดใจหนุ่มอุดรพ่อรับเลี้ยงเด็กที่ถูกลักพาตัวไป

13 พ.ย. 2552

เปิดใจหนุ่มอุดรธานี รับเลี้ยงด.ญ.ที่ถูกลักพาตัวไป เมื่อ 2 ปีก่อน ระบุไม่รู้เด็กถูกขโมยมา เผยรักเหมือนลูก เรียก"พ่อ"ทุกคำ รอเจอหน้าพ่อตัวจริง ขอตรวจดีเอ็นเอ -ซักประวัติ ดูความพร้อมก่อนยอมให้กลับไปอยู่ ระบุให้"ใจ"เด็กเป็นที่ระลึกก่อนจาก

 จากกรณีที่นายจ่อย ลากุล อายุ 48 ปี ได้เข้าแจ้งความกับทางตำรวจสน.ชนะสงคราม ระบุว่า ด.ญ.สมหญิง ลากุล หรือน้องหญิง  ได้ถูกนางช้อน ศรีส่อง ลักพาตัวไปขณะวิ่งเล่นอยู่ที่ท้องสนามหลวง ตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค.2550 โดยขณะนั้นมีอายุเพียง 4 ขวบเท่านั้น ล่าสุดพบว่าด.ญ.สมหญิง ได้อยู่ในความดูแล ของนาย สุทัศน์  บุญสุสัย วัย 33 ปี ชาวจ.อุดรธานี โดยที่ไม่รู้ว่าเด็กหญิงคนดังกล่าวถูกลักพาตัวมา

 เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 พฤศจิกายน นายสุทัศน์ ได้เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน นางช้อน ได้นำตัวด.ญ.สมหญิงมาฝากให้กับพี่สาวของเมีย โดยระบุให้ช่วยดูแล จะกลับมาในภายหลัง โดยที่ไม่ได้บอกว่าเด็กหญิงคนดังกล่าวเป็นใครมาจากไหน โดยนางช้อนได้ขอเงินสดจากพี่สาวเมียตนจำนวน 3,000 บาท ระบุว่าเป็นค่าน้ำมัน แต่พี่สาวของเมียตนไม่มี จึงให้ไปเพียง 900 บาทเท่านั้น จากนั้นพี่สาวของเมียได้ดูแลเด็กหญิงคนดังกล่าวมาได้ประมาณ 6 เดือน โดยตนได้เห็นพฤติกรรมของเด็กมาโดยตลอด

 "ผมรู้สึกถูกชะตา และรู้สึกสงสารเด็กคนนี้  เพราะผมกับเมียไม่มีลูกสาว ลูกชายที่มีอยู่ก็เป็นลูกของญาติที่ขอมาเลี้ยงเหมือนกัน  จึงได้เข้าพูดคุยกับทางพี่สาวเมีย เพื่อขออุปการะเด็กหญิงคนดังกล่าวแทน จากนั้นผมได้พาไปลงบันทึกประจำวันที่สภ.ศรีธาตุ พร้อมกับได้ช่วยกันออกตามหาพ่อแม่ที่แท้จริง เพราะผมเองก็กลัวว่าจะมีปัญหาภายหลังตามมา" นายสุทัศน์กล่าว

 นายสุทัศน์เปิดเผยอีกว่า ตนกับตำรวจสภ.ศรีธาตุ ได้ประชาสัมพันธ์ ประกาศหาตัวพ่อแม่ที่แท้จริงของเด็ก เวลาผ่านไปหลายเดือนไม่มีเบาะแสของพ่อกับแม่ของเด็กเลย ตนจึงรับเลี้ยงดูเหมือนเป็นลูกสาวอีกคนหนึ่งมาโดยตลอด โดยที่ตนไม่คาดคิดว่าเด็กจะถูกลักพาตัวมา คิดแต่เพียงว่าอาจจะหลงทาง หรือถูกทิ้งก็เป็นได้

 นายสุทัศน์ระบุอีกว่า เท่าที่พูดคุยกับเด็กตอนที่รับมาเลี้ยงใหม่ เด็กจำชื่อตัวเองได้ว่าชื่อ"น้องหญิง" ส่วนพ่อและแม่จำได้แต่เพียงว่า พ่อจ่อย กับแม่ดาวเท่านั้นเอง ตลอดเวลาที่เด็กอยู่ในความดูแลของตน ได้ดูแลเป็นอย่างดีทุกคนในครอบครัวรักเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง เพราะเด็กอยู่ในช่วงวัยที่กำลังน่ารัก น่าเอ็นดู เพื่อนบ้านทุกคนก็รักเขาหมด

 "เด็กเรียกผมว่า พ่อ เมื่อรู้ข่าวว่าเขาถูกลักพาตัวมา และพ่อที่แท้จริงกำลังจะมารับตัวกลับไป ทุกคนในบ้านเศร้ากันหมด โดยเฉพาะเมียผม ร้องไห้ตลอดทุกคืนตั้งแต่ที่รู้ หมอนเปื้อนไปด้วยน้ำตา หลังจากที่รู้ข่าวจะนอนกอดคอพูดคุยกัน ว่าจะทำอย่างไรกันดี คุยกับเด็กให้ยอมรับว่าพ่อแท้ ๆกำลังจะเดินทางมารับตัว เขาก็ร้องไห้ บอกแต่ว่าไม่อยากไป อยากอยู่กับผม อยากอยู่กับแม่ กับพี่ชาย" นายสุทัศน์กล่าว

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ ดญ.สมหญิง อยู่ในความดูแลของนายสุทัศน์ ปรากฎว่า นายสุทัศน์ได้ดูแลเป็นอย่างดี เหมือนกับเป็นลูกสาวแท้ ๆคนหนึ่งที่พ่อและแม่จะกระทำให้ได้ เมื่อถึงเวลาที่จะเรียนหนังสือ นายสุทัศน์ ได้ติดต่อกับทางโรงเรียน โดยใช้เอกสารใบแจ้งความ เป็นหลักฐานสำคัญเพื่อให้ ด.ญ.สมหญิงได้มีโอกาสได้เรียน โดยขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนบ้านคำบอน อ.ศรีธาตุ ต.หัวนาคำ จ.อุดรธานี       
 "ความรู้สึกตอนนี้บอกได้คำเดียวว่า ผมรักเขามาก เสียใจเป็นที่สุด ไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรดี  วันนี้ถ้าได้เจอกับพ่อของเขา ผมจะต้องพูดคุยให้ชัดเจนว่าเขาสามารถเลี้ยงดูได้อย่างดีหรือเปล่า ทำได้เหมือนอย่างที่ผมทำหรือเปล่า นอกจากนี้ผมต้องขอให้มีการตรวจดีเอ็นเอ เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัด ผมอยากจะทำให้รอบคอบ เน้นความเป็นอยู่เป็นหลัก ผมห่วงเขากลัวลูกจะลำบาก " นายสุทัศน์ กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้น

 ผู้สื่อข่าวถามว่า หากจะต้องส่งตัวด.ญ.สมหญิง ให้กับพ่อแท้ ๆดูแลจะฝากอะไรเป็นที่ระลึก นายสุทัศน์ ตอบเพียงสั้น ๆว่า ผมไม่รู้จะฝากอะไร สิ่งเดียวที่ผมฝากได้คือ"ใจ" ส่วนของที่ระลึกของด.ญ.สมหญิงก็คงจะขอเก็บเสื้อผ้าของลูกสาวไว้เป็นตัวแทน เวลาที่คิดถึงเขา คิดถึงตอนที่เขาเข้ามาคลอเคลีย วิ่งเล่นใกล้ ๆ ตอนนี้ที่บ้านก็ยังไม่ได้มีการเก็บเสื้อผ้า ของเล่นของด.ญ.สมหญิง เพราะต้องการคุยกับทางครอบครัวของเด็กให้ชัดเจนก่อน

เปิดใจแม่หลังได้ลูกอันไปที่รักกลับคืนอ้อมอก

 ด้านนางปานทิพย์ อิศรากูร อายุ 37 ปี  กล่าวเปิดใจด้วยเสียงสั่นเครือ หลังจากได้ลูก 2 คนอันเป็นที่รักกลับคนมา หลังจากที่ถูกนางช้อน สีม่วงลักพาตัวไปเมื่อวันที 5 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ตนดีใจมากที่ได้ลูกทั้ง2คนกลับคืนมาสุ่อ้อมอกหลังจากที่ได้ลูกทั้ง2คนหายตัวไป เพราะช่วงเวลาที่ลูกทั้ง2คนหายตัวไปตนกินไปได้นอนไม่หลับ มันทุกข์ทรมานมาก หัวอกของคนเป็นแม่มันเหมือใจจะขาด เพราะลูกหายตัวไปก็ไม่รู้ว่าจะกินอยู่ยังไง จะหลับนอนยังไง มันคิดไปหมดทุกอย่าง

 "วันแรกที่น้องทั้ง 2หายไปพี่เดินหาทั่วสนามหลวงตั้งแต่ 2ทุ่ม เดินไปทั่วมองหน้าเด็กทุกคนที่เดินเล่นในสนามหลวงเพราะคิดว่าต้องเจอลูกของตัวเอง แต่แล้วก็ไม่เจอ จนเวลา4ทุ่ม พี่เลยไปแจ้งตำรวจที่สน.ชนะสงคราม ว่าลูกพี่หาย ตำรวจก็บอกว่าเด็กคงหลงทางเดี๋ยวก็กลับมา แต่หัวอกคนเป็นแม่มันคงไม่มานั่งรอลูกหลอกว่าเดี๋ยวลูกก้กลับมา ถ้าไม่ใช่ลูกของตัวเองไม่เข้าใจหรอกว่าหัวอกของพ่อแม่ที่ลูกหายไปเป็นยังไง" นางปาทิพย์ กล่าว

 นางปาทิพย์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่แจ้งความที่สน.เสร็จ ตนก็กลับมาที่สนามหลวงอีกครั้งเดินหาลุกอีกจนถึงตี 5 แต่แล้วก็ไม่พบ ตอนนั้นมั่นใจแล้วว่ายังไงลูกก้ถูกลักพาตัวแน่นอน ก็รู้สึกเป็นห่วงลูกมากขึ้นกว่าเดิม และกลับไปแจ้งความตำรวจอีกครั้งว่าลูกหาย แต่คำตอบที่ได้ก็ยังเหมือเดิมว่าเดี๋ยวเด็กก้กลับมา ตนรู้สึกท้อใจกับคำตอบของตำรวจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากตามหาลูกต่อไป

 แม่เด็กกล่าวต่อว่า ตนตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือที่ช่อง 7 เพื่อลงข่าวตามหาลูก จนในที่สุดพอข่าวออกไปก็ได้เบาะแสว่าพบลูกที่จ.อุดรธานี ตอนนี้มันเหมือนกับข่าวนั้นทำให้ตนรู้สึกว่ากำลังได้สิ่งที่รักที่สุดกลับคืนมา

 "ตอนเห็นหน้าลูกพี่ดีใจมาก พี่เข้าไปกอดลูก น้ำตามันก็ไหลออกมาโดยอัตโนมัติ มันพูดอะไรไม่ออก มันตื้นตัน มันดีใจ มันอยู่ในอารมณ์ที่ดีใจสุดๆในชีวิต พี่ได้ลูกของพี่กลับคืนมา พี่ดีใจมาก แต่พอสังเกตุดูน้องอีกทีก็เห็นว่าอยู่ในอาการเบลอ ซึมเศร้าไม่ร่าเริง เหมือถูกมอมยามา ลูกไม่พูดไม่จากับพี่ ตอนนั้นก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเค้าปลอดภัย มันไม่มีอะไรวิเศษไปอย่างนี้แล้ว"ผู้เป็นแม่เปิดใจ