
11 ปี 8 สมัย ประวัติศาสตร์ไร้เทียมทาน"อาซูลกรานา"
ในรอบ 11 ปี สอยแชมป์ลีกสูงสุดในประเทศตัวเองไปถึง 8 หน ขณะที่ดาวยิงกัปตันทีมของพวกเขาก็เพิ่งเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการลูกหนังกระทิงดุ
ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (27 เม.ย.) บาร์เซโลนา เปิดรังคัมป์ นู ทุบเอาชนะ เลบันเต ผู้มาเยือน 1-0 โดยกว่าจะได้ประตูชัยก็ต้องรอถึงนาทีที่ 62 เมื่อ ลิโอเนล เมสซี สตาร์ตัวกลั่นที่ลงสนามมาแทน ฟิลิปเป คูตินโญ แผลงฤทธิ์ซัดประตูโทน โดยนี่ถือเป็นลูกที่ 34 ที่ดาวยิงฟ้า-ขาว ยิงในลีกซีซั่นนี้
ขณะเดียวกันนอกจากเป็นการป้องกันแชมป์ได้แล้ว ความสำเร็จเที่ยวนี้ยังถือเป็นการซิวแชมป์หนที่ 8 จาก 11 ซีซั่นหลังสุด
หลังเกม เอร์เนสโต บัลเบร์เด กุนซือวัย 55 ปี ผู้พาบาร์เซโลนา สอยแชมป์ 2 ฤดูกาลหลังสุดตั้งแต่เข้ารับงานเมื่อปี 2017 กล่าวว่า “เรากำลังมีความสุข แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีงานที่ท้าทายรอเราอยู่เช่นกัน”
“ความสำเร็จครั้งนี้เกิดจากการรักษาความสม่ำเสมอบนฤดูกาลอันยาวนาน ตลอดจนช่องว่างของคะแนน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่ต่อสู้แย่งแชมป์กับเราต้องเจอกับงานที่ยาก”
ขณะเดียวกันนายใหญ่ผู้เคยรับบทกองหน้าของบาร์ซา ระหว่างปี 1988-1990 สมัยเป็นนักเตะ ยังพูดถึง เมสซี ดาวเตะคนสำคัญที่สวมบทซูเปอร์ซับลงมากดประตูชี้ขาดในเกมนี้ว่า “ชัดเจนว่า เวลา 45 นาที น่าจะเหมาะสมกับเขา(เมสซี)แล้ว”
“แม้ยังมีเกมวันพุธรออยู่ แต่กับนัดนี้เรายังต้องลงเล่นด้วยคาวมกระตือรืนร้นเมือนเช่นทุกครั้งและในที่สุดเขาก็ยิงประตูได้ แน่นอนเราทราบดีว่า ลีโอ สามารถยิงประตูได้ทุกที่” บัลเบร์เด ชื่นชมลูกทีมคนเก่งที่เพิ่งเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับลีกสูงสุดของสเปน
แชมป์ 10 สมัยของเมสซี
ลิโอเนล เมสซี ดาวยิงกัปตันทีมบาร์เซโลนาคว้าแชมป์ลา ลีกา สเปน ร่วมกับต้นสังกัดเป็นสมัยที่ 10 หลังจากที่การันตีตำแหน่งแชมป์ฤดูกาลนี้
“มันชัดเจนที่ว่าเขา(เมสซี)มักพาเราออกจากปัญหาต่างๆนานาได้เสมอ” บัลเบร์เด ระบุ
แชมป์ลีกครั้งนี้ทำให้ เมสซี กลายเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ของ บาร์เซโลนา ที่ได้แชมป์ ลา ลีกา 10 สมัย และถือเป็นผู้เล่นต่างชาติคนแรกในประวัติศาตร์ ลา ลีกา ที่ได้แชมป์ลีกแตะหลัก 10 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นที่คว้าแชมป์ ลา ลีกา มากสุดตลอดกาลยังคงเป็น ฟรานเชสโก เกนโต ตำนาน เรอัล มาดริด ที่ได้ถึง 12 สมัย
แรงกระเพื่อม
หลังจากนี้ บาร์เซโลนา ยังมีลุ้นแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ที่ผ่านเข้ารอบตัดเชือกไปพบกับ ลิเวอร์พูล และ โกปา เดล เรย์ ที่จะชิงชนะเลิศกับบาเลนเซีย โดยการเข้าป้ายการันตีตำแหน่งแชมป์ลีกสูงสุดของบัลเบร์เดและลูกทีมทั้งที่ยังไม่จบฤดูกาลเป็นไปตามเป้าที่อดีตนายใหญ่แอธเลติก บิลเบา ต้องการ
“เป็นการดีกว่าหากเราการันตีแชมป์ลีกก่อนต้องลงเล่นถ้วยยุโรป” กุนซ์อ วัย 55 ปี กล่าว
“เรากำลังมั่นใจกันมากและเป็นโอกาสที่ดีสำหรับวันพุธ เรารู้ว่ามันยากแค่ไหนเพราะลิเวอร์พูล มีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมและเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม"
บัลเบร์เด เชื่อว่า การสอยแชมป์ลีกทั้งที่ยังไม่จบฤดูกาลน่าจะทำให้พวกเขาเตรียมตัวกับการชิงชัยถ้วยสำคัญอีก 2 รายการ
อับราฮัม แจงว่า แม้เลบานเตที่กำลังดิ้นรนหนีตกชั้นก็ยังสามารถสร้างปัญหาให้พลพรรคอาซูลกราได้ ด้วยวิธีการเล่นเกมรับแบบอดทนและมีวินัย
การที่ครึ่งแรกจบด้วยการเสมอ 0-0 ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้ ไอตอร์ เฟร์นานเดซ
แต่สามประสานแนวรุกที่ประกอบด้วย หลุยส์ ซัวเรซ, ฟิลิปเป คูตินโญ และ อุสมาน เดมเบเล แม้จะดูวูบวาบและอันตรายก็จริง แต่พอปราศจาก เมสซี ในครึ่งแรก ทีเด็ด ทีขาด ก็ดูจะหายไปตามกัปตันทีมคนดังของพวกเขาเช่นกัน
ทริปเปิลแชมป์ ?
ผู้สื่อประจำบีบีซี สปอร์ต ทิ้งท้ายไว้ว่า หากต้องการหยุดความไร้เทียมทานของทีมแกร่งจากกาตาลัน มีวิธีเดียวคือ หยุด เมสซี ให้ได้ ซึ่งแนวทางนี้ผู้จัดการทีมหลายรายเคยพยายามมาแล้วแต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็แตกต่างกันออกไป
บาร์เซโลนา จะเปิดคัมป์ นู รับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดแรก คืนวันพุธที่ 1 พ.ค.นี้ จากนั้นจะออกไปเยือนแอนฟิลด์ ในเกมนัด 2 คืนวันอังคารที่ 8 พ.ค. ส่วนเกมชิงดำถ้วยโกปาเดลเรย์กับ บาเลนเซีย จะไปโม่แข้งกันวันที่ 25 พ.ค.
3 เกมที่เหลืออยู่ในลีกอาจกล่าวได้ว่าไม่มีความหมายอะไรแล้ว แต่กับ 3 เกม (อาจจะเป็น 4 เกม) สำคัญจากบอลถ้วย 2 รายการ ดูจะตรงข้ามกันมากทีเดียว
เมื่อมองไปยังผลลัพธ์ที่ว่าหากพวกเขาทำได้ตามเป้าประวัติศาสตร์หน้าใหม่ก็จะถูกเขียนขึ้นอีกครั้งเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลอย่างเป็นทางการ