
5 บิ๊กทีมยุโรปส่อชวดโควตายูซีแอล
งวดเข้ามาทุกทีสำหรับบทสรุป 5 ลีกดังของฟุตบอลลีกยุโรป
ประกอบด้วย พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, บุนเดสลีกา เยอรมนี, กัลโช เซเรีย อา อิตาลี, ลีกเอิง ฝรั่งเศส และลาลีกา สเปน โดยบางลีกก็ได้แชมป์ไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนบางลีกก็ยังมีการขับเคี่ยวตำแหน่งแชมป์กันอย่างสนุก โดยเฉพาะในลีกสูงุดแดนผู้ดี ที่ ลิเวอร์พูล จ่าฝูง กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี รองจ่าฝูง มีแต้มห่ากันเพียง 1 คะแนน
นอกจากเรื่องของการแย่งแชมป์แล้ว อีกหนึ่งตำแหน่งสำคัญที่หลายทีมอยากจับจอง นั่นก็คือ โควตาของการไปเล่นในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า เพราะนั่นหมายถึงเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่จะเข้ามาจากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด รวมไปถึงการดึงดูงใจผู้เล่นหน้าใหม่สำหรับการเสริมทัพในซีซั่นหน้า เป็นเหตุให้บรรดาบิ๊กทีมต้องการตั๋วดังกล่าวเป็นอย่างมาก
ทว่าในซีซั่นนี้หลายทีมดังใน 5 ลีกข้างต้นซึ่งไปเล่นในยูซีแอลอยู่บ่อยครั้ง กลับทำผลงานได้น่าผิดหวังจนอาจส่งผลให้พวกเขาพลาดไปเล่นในถ้วยบิ๊กเอียร์
ฮอฟเฟนไฮม์ (อันดับ 6, บุนเดสลีกา เยอรมนี)
เชื่อว่าหลายคนคงจะไม่คาดคิดว่าทีมที่เคยคว้าอันดับ 16 ของตารางเมื่อฤดูกาล 2016 จะสามารถกลับมาติดอันดับท็อปโฟร์ได้ติดต่อกันอีก 2 ซีซั่นต่อมา พร้อมกลายเป็นขาประจำในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในช่วงหลัง
ถึงกระนั้นในฤดูกาลนี้ลูกทีมของ ยูเลียน นาเกลส์มันน์ กุนซือหนุ่มไฟแรงกลับโชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวังโดยเฉพาะในช่วงครึ่งซีซั่นแรก หลังเก็บชัยเพียง ุ6 เกมจากการลงสนาม 18 เกมในลีก
ทำให้ถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังมาจนถึงปัจจุบัน พวกเขาจะแพ้ไปเพียง 1 นัดจาก 11 นัด แต่สถานการณ์ในการลุ้นโควตาของฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่ถือว่าไม่สู้ดีนัก เหตุขณะนี้อยู่ในอันดับ 6 ของตาราง จากการมี 50 คะแนน ตามหลัง ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ทีมอันดับ 4 อยู่ 3 คะแนน
อย่างไรก็ตาม ฮอฟเฟนไฮม์ ยังมีความหวังอยู่ที่ปลายอุโมงค์ เนื่องจาก 3 ใน 4 นัดสุดท้ายของฤดูกาลนี้พวกเขาจะเจอกับทีมที่อยู่อันดับต่ำกว่า โดยมีเพียงการต้องไปเยือน โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค เท่านั้นซึ่งเป็นทีมที่มีคะแนนมากกว่าพวกเขา และการเป็นเกมตัดสินว่าพวกเขาจะได้ไปเล่นฟุตบอลยูซีแอลในฤดูกาลหน้าหรือไม่
บาเลนเซีย (อันดับ 5, ลาลีกา สเปน)
อีกหนึ่งยักษ์หลับซึ่งมีสถิติการเข้าแข่งขันในฟุตบอลยุโรปมากที่สุดร่วมกับ ฟิออเรนตินา ทว่าในช่วงหลังพวกเขากลับไม่ค่อยได้ไปเล่นในฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่มากนักด้วยเรื่องของฟอร์มการเล่น รวมถึงการปล่อยนักเตะตัวหลักออกจากทีม จนกระทั่งในซีซั่นนี้
โดยในฤดูกาลนี้แม้ “เจ้าค้างคาว” จะอยู่ในอันดับที่ 5 ของตาราง ทว่ามีแต้มตามหลัง เกตาเฟ ทีมอันดับ 4 ซึ่งเป็นโควตาสุดท้ายของตั๋วไปยูซีแอลสำหรับลีกสูงสุดแดนกระทิงดุ เพียง 2 คะแนน ขณะที่เหลือการแข่งขัน 5 นัด
สาเหตุที่ทำให้ทีมดังแห่งถิ่น เมสตายา สเตเดี้ยม ต้องมาลุ้นโควตาดังกล่าวในช่วงโค้งสุดท้าย เป็นเหตุเพราะพวกเขาเสมอไปถึง 16 เกมในลีกซีซั่นนี้ ซึ่งส่งผลให้แต้มหล่นไปแบบนับไม่ถ้วน
เกมเยือน เรอัล เบติส และแอตเลติโก มาดริด ถือว่าเป็นแมตช์สำคัญที่อาจชี้ชะตาว่าจะได้ไปเล่นในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือไม่ ไม่เช่นนั้นลูกทีมของ มาร์เซลลิโน อาจะต้องใช้ทางลัดด้วยการซิวแชมป์ยูโรปา ลีก ในฤดูกาลนี้แทน หลังผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกพบ อาร์เซนอล (แชมป์ยูโรปา ลีก จะได้โควตาไปเล่นฟุตบอลยูซีแอลแบบอัตโนมัติ)
อาแอส โรมา (อันดับ 6, กัลโช เซเรีย อา อิตาลี)
จากที่เคยสร้างประวัติศาสตร์ล้ม บาร์เซโลนา ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลยูซีแอลปีที่แล้ว กลับกลายเป็นทีมที่พ่ายต่อ ฟิออเรนตินา ขาดลอย ถึง 7-1 ซึ่งทั้งหมดใช้เวลาห่างหันไม่ถึง 1 ปี
โดยเรื่องดังกล่าวเป็นเหตุให้ ยูเซบิโอ ดิ ฟรานเชสโก ต้องกระเด็นออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม และให้เฮดโค้ชจอมเก๋าอย่าง เคลาดิโอ รานิเอรี เข้ามากู้สถานการณ์แทน ทว่าจากความพ่ายแพ่ต่อ สปาล และนาโปลี คาบ้าน เป็นเหตุให้ เอซี มิลาน ที่โชว์ฟอร์มได้ดีขึ้นในช่วงครึ่งซีซั่นหลังแซงขึ้นไปเป็นอันดับ 4 แทน โดยนำหน้าพวกเขา 1 แต้ม ขณะเหลือการแข่งขัน 5 นัด
สาเหตุหลักที่ทำให้ “หมาป่ากรุงโรม” มีฤดูกาลที่ไม่ดีนัก มาจากกองหลังที่เสียประตูง่ายเกินไป โดยขณะนี้พวกเขาเสียไปแล้วถึง 46 ประตูในลีก นอกจากนั้นการที่แนวรุกฟอร์มดร็อป โดยเฉพาะในรายของ เอดิน เชโก หัวหอกตัวหลัก ซึ่งปีที่แล้วกดไป 16 ลูกจาก ทว่าในซีซั่นนี้เขากลับทำไปเพียง 8 ลูกเท่านั้น
เชลซี (อันดับ 4, พรีเมียร์ลีก อังกฤษ)
ถือเป็นซีซั่นที่น่าผิดหวังสำหรับ “สิงห์บลูส์” ภายใต้การคุมทัพฤดูกาลแรกของ เมาริซิโอ ซาร์รี เทรนเนอร์จอมแทคติก เหตุปรัชญา “ซาร์รี บอล” ที่ใช้ได้ดีกับ นาโปลี กลับไม่แสดงผลในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เท่าที่ควร หลังมีปัญหากองหน้าผลิตสกอร์ไม่ได้ รวมถึงมิดฟิลด์ที่มีความหละหลวม
สำหรับ “สิงโตน้ำเงินคราม” ออกสตาร์ทฤดูกาลได้ดีหลังชนะ 5 เกมรวด และครองสถิติไม่แพ้ใครถึง 12 นัด ทว่าหลังจากที่พวกเขาบุกพ่าย สเปอร์ส 3-1 เมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เพราะหลังจากนั้น เชลซี แพ้ไปอีก 7 เกมจนเป็นเหตุให้พวกเขาหมดลุ้นแชมป์ และต้องมาลุ้นว่าจะได้ไปเล่นในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้าหรือไม่ หลังปัจจุบันอยู่ในอันดับ 4 ของตารางจากการมี 67 แต้ม ทว่าแข่งมากกว่าคู่แข่งที่ลุ้นโควต้าดังกล่าว ทั้ง อาร์เซนอล (อันดับ 5) และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อันดับ 6) ซึ่งมีคะแนนตามหลังพวกเขาเพียง 1 และ 2 แต้ม อยู่ 1 นัด
โดยโปรแกรมที่เหลือในลีกทีมดังแห่งถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ พวกเขายังเหลือศึกหนักคือการบุกเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังลุ้นโควตายูซีแอลเช่นกัน รวมถึงการเยือน เลสเตอร์ ซิตี ซึ่งเล่นได้แข็งแกร่งในบ้าน
ส่วนอีกหนึ่งทางเลือก นั่นก็คือการที่พวกเขาต้องคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโรปา ลีก ให้ได้ เช่นเดียวกับ บาเลนเซีย หลังผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบกับ ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อันดับ 6, พรีเมียร์ลีก อังกฤษ)
เชื่อว่าแฟนๆของ “ปีศาจแดง” หลายคนคิดว่าการเข้ามาของ โอเล กุนนาร์ โซลชา กุนซือชาวนอร์เวย์ คือการทำให้ทีมกลับมาสู่เส้นทางที่ควรจะเป็นอีกครั้ง หลังต้องเจอช่วงเวลาที่เลวร้ายภายใต้การนำทีมชอง ชูเซ มูรินโญ
“น้าโอเล” เปิดตัวด้วยสถิติสุดหรูหลังเก็บชัยไปได้ถึง 5 จาก 7 เกมแรกที่เริ่มคุมทีมในทุกรายการ ทว่าหลังจากที่เจ้าตัวได้รับสัญญาคุมทัพแบบถาวรด้วยเวลา 3 ปี ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแบบชัดเจน ด้วยเหตุที่ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ไปถึง 5 จาก 7 เกมหลังสุดในทุกรายการ และทำให้พวกเขาหมดลุ้นแชมป์ทุกรายการในซีซั่นนี้เป็นที่เรียบร้อย
โดยเป้าหมายเดียวของ “เรด เดวิลส์” ที่ยังหลงเหลืออยู่ในขณะนี้ คือการลุ้นตั๋วเพื่อไปเล่นในฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่ในฤดูกาลหน้า ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากขณะนี้พวกเขาอยู่ในอันดับ 6 ของตาราง จากการมี 64 แต้มจาก 34 นัด
นอกจากนั้นโปรแกรมที่เหลือในลีกต้องเรียกได้ว่าหฤโหด เพราะยังต้องเจอกับทีมชั้นนำทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี (เหย้า) และ เชลซี (เหย้า) ซึ่งหากไม่สามารถเก็บแต้มได้เลยจาก 2 นัดนี้ ความหวังในการไปเล่นศึกยูซีแอลของทีมดังแห่งถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ก็แทบจะดับวูบลงไปแบบ 100 เปอร์เซนต์
สุดท้ายแล้วต้องมาติดตามกันว่าทั้ง 5 ทีมข้างต้นที่ถือว่าเป็นสโมสรชั้นนำของยุโรป จะสามารถเร่งเครื่องในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่นเพื่อคว้าตั๋วใบสำคัญ นั่นก็คือ การไปเล่นในฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่ในฤดูกาลหน้าได้หรือไม่ เพราะถ้าพลาดนั่นหมายถึงจะส่งผลกระทบต่อสโมสรหลายด้าน ทั้งเรื่องรายได้ รวมถึงเรื่องศักดิ์ศรีที่จะถูกมองว่าพวกเขาไม่ใช่บิ๊กทีมอีกต่อไป