ข่าว

ทักษิณ-ฮุนเซนจากศัตรูสู่มิตรและกัมพูชาประเทศมีไว้ขาย

ทักษิณ-ฮุนเซนจากศัตรูสู่มิตรและกัมพูชาประเทศมีไว้ขาย

11 พ.ย. 2552

ก่อนจะมาเป็นเพื่อนรักของ ทักษิณ ชินวัตร นั้นใครต่อใครคงจะสงสัยว่า เส้นทางเดินของ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ประเทศที่เพิ่งรู้จักคำว่า "การเลือกตั้ง" ไปเมื่อไม่ถึง 20 ปีนี้ มีเส้นทางมาอย่างไร และจู่ๆ ไปรู้จักมักจี่กับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปั

เมื่อปี 2540 เป็นที่รู้กันว่า ทักษิณ ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนความพยายามปฏิวัติโค่นพรรคประชาชนกัมพูชา (ซีพีพี) ของฮุน เซน และหันไปสนับสนุน สม รังสี และพรรคสมรังสี รวมทั้งพรรคฟุนซินเปก ของสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์

 จากที่ก่อนหน้านั้น เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2539 มีการใช้ระเบิดมือโจมตีในกัมพูชา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 16 คน บาดเจ็บกว่า 100 คน

 ไม่ต้องถามว่าในยามนั้น ฮุน เซน รู้สึกอย่างไรกับ ทักษิณ ซึ่งทำธุรกิจด้านการสื่อสารในกัมพูชา

 แต่ด้วยความที่เป็นนักธุรกิจที่ใจถึง ทำให้เกิดข่าวลือว่า ของขวัญที่เป็นกระดาษมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ถูกส่งไปยังผู้ครองอำนาจในกัมพูชา เรื่องราวจึงค่อยๆ ซาลง ขณะที่มิตรภาพก็ค่อยพอกพูน

 แต่จะเพิ่มขึ้นเพราะผลประโยชน์อย่างที่เล่าลือกันหรือไม่ ยังคงต้องรอการพิสูจน์

 แต่ที่แน่ๆ ในเวลาต่อมา ฮุน เซน ยึดอำนาจจาก เจ้ารณฤทธิ์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 1 ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวของประเทศ (http://news.bbc.co.uk/2/hi/asia-pacific/138761.stm )

 มิตรภาพของทั้งสองเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่ง ทักษิณ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำของประเทศไทย การเจรจาตกลงทางการค้า และความช่วยเหลือในลักษณะก้าวไปด้วยกันทางเศรษฐกิจ ก็ยิ่งทำให้ฮุน เซน วางใจมากขึ้น

 ไม่แปลกที่ฮุน เซน จะเปิดบ้านพักให้แก่ทักษิณ ที่เดินทางไปเยือน

 แต่สำหรับข้อมูลของคนในพื้นที่ที่ชินกับบ้านหลังนี้ กลับไม่มีอะไรมากนัก

 มันไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าบ้านพักรับแขก (เกสต์เฮ้าส์) และยิ่งไปกว่านั้น "แขก" ส่วนใหญ่ที่มาพักก็เป็นแขกประเภทหาที่ลี้ภัย หรือเข้าไปบริหารงานบ่อนขนาดใหญ่ เช่น อดีตรองนายกรัฐมนตรี วัฒนา อัศวเหม และนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ ที่เคยอยู่ที่นั่นมากกว่า 1 ครั้ง

 สองคนนี้มีความเกลียดชังต่อทักษิณมาก มองว่า ทักษิณ ไม่รักษาคำพูด ทำให้พวกเขาต้องหนีข้ามพรมแดน

 นี่อาจเป็นเหตุผลว่า เหตุใดทักษิณ จึงไม่ต้องการจะไปลี้ภัยในกัมพูชา

 แต่ตรงนี้และการแต่งตั้งทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจแก่รัฐบาลกัมพูชา กลับทำให้เป็นเหตุผลให้รัฐบาลไทยเรียกทูตกลับประเทศ จนสถานการณ์ทั้งสองชาติตึงเครียดขึ้นมาในทันที

 ถามว่าหากเกิดสงคราม หรือเกิดการปิดพรมแดนใครจะได้ประโยชน์ 

 คำตอบก็คือ สิงคโปร์จะกลายเป็นผู้ส่งสินค้ารายใหญ่ไปยังท่าเรืออ่าวกัมปงจาม และสินค้ายังสามารถเข้าถึงกัมพูชาด้วยการบินขนส่งจากเวียดนามหรือจีน แม้เส้นทางจะไกลกว่าหรือเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าการส่งทางเรือ แน่นอนว่า ชาวกัมพูชาจะต้องจ่ายค่าสินค้าต่างๆ แพงขึ้น ส่วนไทย ก็สูญเสียการค้าผ่านพรมแดน

 แม้ในวันนี้ สงครามน้ำลายระหว่างไทยกับกัมพูชายังไม่ส่งผลกระทบต่อผู้คน และธุรกิจยังคงดำเนินไปอย่างปกติ แม้จะมีการเรียกทูตทั้งสองประเทศกลับ และมีการวางกำลังทหารไว้ก็ตาม

 ที่จริงแล้ว ฮุน เซน เป็นต้นแบบที่ ทักษิณ อยากจะเป็น ฮุน เซน ปกครองประเทศมามากกว่า 26 ปี เป็นเจ้าของ และขายประเทศไปแล้วราวร้อยละ 40

 จนมีคำกล่าวว่า กัมพูชาทุกวันนี้เป็นประเทศที่มีไว้เพื่อขาย มีการสร้างความร่ำรวยขึ้นมาจากการตัดไม้จากป่าของประเทศตัวเอง

 กลุ่มคนร่ำรวยในกัมพูชา พากันแบ่งผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ จากทรัพย์สินของรัฐ รวมทั้งที่ดิน ประมง เกาะ และชายหาด แร่ธาตุ และการปิโตรเลียม

 ประเทศกัมพูชาได้รับการจัดสรร และขายออกอย่างรวดเร็ว ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา แผ่นดินกัมพูชาร้อยละ 45 ถูกขายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งความฉลาดทางเศรษฐกิจจากการขายประเทศนี้เริ่มเห็นผลแล้ว เพราะเริ่มมีผลกระทบทางสังคม และสิ่งแวดล้อมถูกทำลาย

 รายงานนี้มาจากการสืบสวนของ โกลบอล วิทเนส (Global Witness) รวมทั้งพุ่งความสนใจไปยังส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะส่วนของทรัพยากรด้านน้ำมัน แก๊ส และแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งทำให้ทุกฝ่ายต้องเพิ่มความพยายาม ทั้งรัฐบาลกัมพูชา และประเทศผู้บริจาคที่จะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งในการบริหารจัดการทรัพยากรเหล่านี้

 "ไม่จำเป็นต้องอธิบายในสิ่งที่เกิดขึ้น ในขณะที่ประเทศไทย อาจดำดิ่งลงสู่ความเลวร้ายสุดๆ นี้ หากเราไม่สามารถกำจัดนักการเมืองออกจากการทุจริตฉ้อฉล การเล่นพรรคเล่นพวก และความเห็นแก่ได้"

 โคลิน แพรทท์ อดีตนักการทูตชาวออสเตรเลียที่เคยประจำในกัมพูชา คือเจ้าของประโยคที่ว่า

 โคลิน แพรทท์ เป็นบุคคลที่อดีตสมเด็จกรมพระนโรดม สีหนุ อดีตกษัตริย์แห่งกัมพูชา ทรงไว้วางใจมานาน รู้ตื้นลึกหนาบางของผู้นำกัมพูชาทั้งหมดเป็นอย่างดี http://ki-media.blogspot.com/2008/08/cambodia-hun-sen-king-of-corruption-and.html