ข่าว

'ชัชชาติ-หญิงหน่อย'จับมือทีมเดียวกัน ตำแหน่งให้พรรคตัดสินใจ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"หญิงหน่อย"พา"เพื่อไทย"ลงบางกะปิ ดูปัญหาและหามาตรการแก้ปัญหาจราจร "ชัชชาติ"ชี้ไม่แย่งตำแหน่งกัน พร้อมทำงานเพื่อประชาชนแม้ไม่มีตำแหน่ง

วันที่ 21 ม.ค. 62 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อตนเองขึ้นเป็นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี ลำดับที่1 ซึ่งอาจทำให้เกิดความขัดแย้งกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยว่า เราเป็นทีมอยู่แล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่พรรค คุณหญิงสุดารัตน์เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ต้องเดินตามที่ท่านกำหนดซึ่งข่าวที่ออกมานั้นไม่เป็นความจริง

'ชัชชาติ-หญิงหน่อย'จับมือทีมเดียวกัน ตำแหน่งให้พรรคตัดสินใจ

"สงสัยอยู่เลยว่าออกมาได้อย่างไร เรื่องนี้คิดว่าประชาชนคงเข้าใจ เพราะลงพื้นที่กับคุณหญิงสุดารัตน์อยู่ตลอด พรรคเพื่อไทยทำงานเป็นทีม เมื่อเลือกพรรคเพื่อไทยก็ได้ทั้งหมด ในเรื่องของตำแหน่งในการทำงานยังไม่ได้คิดถึง ใครจะเป็นอะไรก็อยู่ที่พรรค ทางกรรมการบริหารพรรคเป็นคนคัดเลือก เรื่องดังกล่าวนี้ไม่ได้กังวล เราเดินหน้าพยายามหาทางออกหาคำตอบให้กับประชาชน แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่ง แต่ก็สามารถทำงานได้ เชื่อว่าคนจะเข้าใจถึงจิตวิญญาณของเรา"

'ชัชชาติ-หญิงหน่อย'จับมือทีมเดียวกัน ตำแหน่งให้พรรคตัดสินใจ

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงเรื่องพรรคเพื่อไทยจะเสนอใครเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่า พรรคมีคนที่มีความสามารถอยู่เยอะ เราจะประกาศทีมเพื่อไทย ซึ่งความเป็นจริงนั้นไม่ใช่มีแค่ตนกับนายชัชชาติ ยังมีคนทำงานอีกหลายคนที่ยังไม่ประกาศทีมเพื่อไทย เพราะไม่ทราบว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่หากมีพระราชกฤษฎีกาประกาศออกมาในอาทิตย์นี้จริงเราจะดำเนินการเปิดตัวทีมเพื่อไทยอย่างแน่นอน

'ชัชชาติ-หญิงหน่อย'จับมือทีมเดียวกัน ตำแหน่งให้พรรคตัดสินใจ

“เมื่อเลือกตั้งชัดเจนเมื่อไหร่เราก็มีความชัดเจนเรื่องแคนดิเดตนายกฯเมื่อนั้น แต่ตอนนี้รอให้พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศวันเลือกตั้งออกมาก่อน ไม่ต้องห่วง ยืนยันว่าเรามีคนมากและเป็นคนที่มีความรู้มีความสามารถ ช่วยกันทำงานเป็นทีม ไม่มีทะเลาะตีกัน ถึงจะมีการยั่วยุอย่างไรก็ไม่ตีกันแน่นอน ถ้ามีการประกาศวันเลือกตั้งออกมาชัดเจนเมื่อไหร่ เราจะมีการประชุมเพื่อที่จะจัดส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ จัดส.ส.เขตให้ลงตัว และจัดบัญชีแคนดิเดตนายกฯ แต่ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าจะมีเลือกตั้งวันไหน จะไปประกาศออกมาก่อนได้อย่างไร รวมถึงเรื่องนโยบายด้วยเช่นกัน หากเราต้องการออกมาเร็วก็จะถูกหลอกเร็ว”

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ภายใต้การเลือกตั้งที่มีกติกาไม่เป็นธรรมเอารัดเอาเปรียบ มีการใช้อำนาจรัฐการใช้อำนาจเงินอย่างที่เราไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน แต่เราพร้อมสู้และเชื่อว่าเราทุกคนจะไม่ถอย ส่วนกรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานรณรงค์การหาเสียงพรรคพลังประชารัฐออกมาระบุว่า หากเลือกพรรคเพื่อไทยก็จะอยู่กับความขัดแย้งแบบเดิมนั้น ไม่เข้าใจว่าจะมีความขัดแย้งตรงไหน ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอดีตก็เกิดขึ้นเพราะฝ่ายผู้มีอำนาจที่ทำให้มันเกิดขึ้น ซึ่งก็เห็นชัดแล้วว่ามีการแบ่งพวกแบ่งฝ่ายในการที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง โดยที่เขายังติดอยู่ในวังวนความขัดแย้ง พรรคเพื่อไทยคงไม่ไปเล่นเกมนี้กับเขา ยืนยันว่าเลือกเพื่อไทยไม่มีความขัดแย้ง จะได้ความสงบแบบมีคุณภาพ ทั้งคุณภาพชีวิตและคุณภาพเศรษฐกิจไม่ใช่ความสงบแบบกระเป๋าแฟบ ประชาชนคงจะเห็นว่า 4-5 ปีที่ผ่านมานี้คุณภาพชีวิตและสภาพเศรษฐกิจเป็นอย่างไร

'ชัชชาติ-หญิงหน่อย'จับมือทีมเดียวกัน ตำแหน่งให้พรรคตัดสินใจ

เมื่อถามว่าเมื่อพระราชกฤษฎีกาประกาศออกมางานในฐานะผู้จัดการภาพจะหนักเพิ่มขึ้นหรือไม่คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ปกติงานที่ทำก็หนักอยู่แล้ว แต่เราก็ต้องทำต่อภายใต้การเลือกตั้งที่มีกติกาไม่เป็นธรรมเอารัดเอาเปรียบ มีการใช้อำนาจรัฐการใช้อำนาจเงินอย่างที่เราไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน แต่เราพร้อมสู้และเชื่อว่าเราทุกคนจะไม่ถอย

ส่วนกรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานรณรงค์การหาเสียงพรรคพลังประชารัฐออกมาระบุว่า หากเลือกพรรคเพื่อไทยก็จะอยู่กับความขัดแย้งแบบเดิมนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เราไม่เข้าใจว่าจะมีความขัดแย้งตรงไหน ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอดีตก็เกิดขึ้นเพราะฝ่ายผู้มีอำนาจที่ทำให้มันเกิดขึ้น ซึ่งก็เห็นชัดแล้วว่ามีการแบ่งพวกแบ่งฝ่ายในการที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง โดยที่เขายังติดอยู่ในวังวนความขัดแย้ง พรรคเพื่อไทยคงไม่ไปเล่นเกมนี้กับเขา เรายืนยันว่าเลือกเพื่อไทยไม่มีความขัดแย้ง และจะได้ความสงบแบบมีคุณภาพ ทั้งคุณภาพชีวิตและคุณภาพเศรษฐกิจไม่ใช่ความสงบแบบกระเป๋าแฟบ ทั้งนี้ประชาชนคงจะเห็นว่า 4-5 ปีที่ผ่านมานี้คุณภาพชีวิตและสภาพเศรษฐกิจเป็นอย่างไร

ทั้งนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา คุณหญิงสุดารัตน์  พร้อมด้วย นายชัชชาติ  และนายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต 13 บางกะปิ-วังทองหลาง พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่บริเวณแยกลำสาสี เพื่อสำรวจสภาพปัญหาการจราจรที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เส้นทางสำโรง ศรีนครินทร์ ลาดพร้าว ลำสาลีระยะทาง 30.4 กิโลเมตร  จากนั้นได้เดินทางมายังตลาดสดบางกะปิ เพื่อพบปะพูดคุยกับพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของภายในตลาด 

สำหรับการพบปะพูดคุยกับผู้ค้าในตลาดในวันนี้ก็เหมือนในทุกที่ ที่มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ค้าขายไม่ดี มันเป็นเรื่องที่เป็นความจริงมา 4-5 ปีแล้ว เพียงแต่ว่าผู้นำของประเทศจะทราบถึงปัญหาตรงนี้หรือไม่ ทั้งที่มีการใช้งบประมาณ 11.4 ล้านล้าน ในช่วง 4-5 ปีมานี้ รวมถึงเงินกู้อีก ซึ่งเงินที่ลงไปไม่สามารถหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจได้เลย เพราะเงินลงไปไม่ถึงคนรากหญ้าซึ่งเป็นฐานใหญ่ของประเทศ หากกลุ่มคนเรานี้ไม่มีอะไรได้และไม่มีกำลังซื้อ จะไม่สามารถขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีปัญหาเพิ่มเติม เรื่องการจัดระเบียบทางเท้าในกรุงเทพ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่การจัดระเบียบต้องมาพร้อมกับสองสิ่งคือ การคืนทางเท้าให้คนในกรุงเทพสามารถสัญจรได้แล้ว ยังจะต้องมีที่ทำมาหากินให้กับคนที่เขาเคยขายของตามทางเท้าหากจัดระเบียบเอาแค่กฎหมายโดยไม่คืนวิถีชีวิตให้กับพ่อค้าแม่ค้า ก็จะไปด้วยกันไม่ได้ซึ่งในสมัยพรรคไทยรักไทยเราเคยเสนอแผน การใช้พื้นที่บริเวณใต้รถไฟฟ้า และบริเวณจุดสถานีขึ้นลงในการที่เราจะต้องช่วยหาสถานที่ขายของ ทั้งนั้นเรามองว่าจะเช่าอาคารพานิชย์แล้วทำเป็นที่ขายของ ให้กับพ่อค้าแม่ค้า ชาวบ้านที่เป็นผู้บริโภคก็จะมีความสะดวก ซึ่งปัญหาตรงนี้ก็ยังคาราคาซังอยู่และซ้ำเติมในเรื่องเศรษฐกิจ

'ชัชชาติ-หญิงหน่อย'จับมือทีมเดียวกัน ตำแหน่งให้พรรคตัดสินใจ

"ตอนนี้กทม. เรามีการก่อสร้างรถไฟฟ้าจำนวน 7 สาย รวมระยะทาง 160 กิโลเมตรซึ่งส่วนใหญ่อยู่ฝั่งตะวันออก ทำให้พื้นที่ฝั่งนี้ได้รับผลกระทบ และประชาชนที่อยู่อาศัยจำนวนมาก สิ่งที่ตนสังเกตเห็นถึงภาครัฐ จะต้องกำชับดูแลผู้รับเหมาให้ดี โดยการใช้พื้นที่เท่าที่จำเป็น อย่ากันพื้นที่มากเกินกว่าความจำเป็น เพราะจะทำให้ผู้รับเหมาสะดวกแต่ประชาชนลำบาก ดังนั้นภาครัฐต้องเข้มงวดและหาทางเลือก เช่น ให้ประชาชนใช้เส้นทางวงแหวนไปขึ้นทางด่วนพระรามเก้าเพื่อเข้ากรุงเทพส่วนนี้รัฐบาลจะช่วยลดค่าทางด่วนเส้นวงแหวน ได้หรือไม่เพราะประชาชนจะได้มีทางเลือกมากขึ้น ซึ่งเราทุกคนจะต้องช่วยกัน ทั้งนี้ตนเห็นว่าภาครัฐได้พยายามแล้ว ขณะเดียวกันภาคเอกชนก็จะต้องช่วยด้วย นอกจากนี้ปัญหาอีกอย่างที่เจอคือเรื่องศูนย์การค้า ที่ต้องเห็นประโยชน์ส่วนรวม อย่าเอาประโยชน์ส่วนตัวต้องจัดให้มีที่จอดรถรับส่งสาธารณะ รถแท็กซี่ในศูนย์การค้า ไม่ให้มาจอดรับที่ข้างถนน ซึ่งการแก้ปัญหาทั้งหมดจะต้องร่วมมือกันพร้อมกับมีการวางแผนระยะยาว" นายชัชชาติกล่าว

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ