
บ."ไทยเรดิเอเตอร์"เลิกจ้างคนงานล็อตแรก280คน
บ.ชิ้นส่วนทยอยเลิกจ้างไม่หยุด ล่าสุดกลุ่มบ.ไทยเรดิเอเตอร์ กรุ๊ป จำกัด เอาด้วย โดยใช้มาตรการตามกฎหมายโละคนงาน ล็อตแรก ทำพนักงานบางส่วนเสียขวัญหวั่นอนาคตไม่ได้เงินชดเชยติดมือ ชิงร่วมโครงการก่อน ขณะสหภาพแรงงานแฉ บ.มัดมือสั่งตัวแทนสหภาพฯ หยุดพักงานจนไม่สามารถ
(3มี.ค.) นายสำรวย สิงห์ลอ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/121 ม.11 ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ กรรมการสหภาพแรงงาน กลุ่มบริษัทไทยเรดิเอเตอร์ กรุ๊ป ตั้งอยู่เลขที่ 12/4 ม.6 ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้เดินทางมาบริษัททองไชย อุตสาหกรรม จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 20/1 ม.1 ต.แสนภูดาษ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา
ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ผู้ผลิต ตัวถัง (แซทซี) และระบบช่วงล่างรถยนต์ รวมทั้งชิ้นส่วนยานยนต์ภายในเครื่องยนต์ ทั้ง ท่อน้ำ ท่อน้ำมัน ให้แก่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ อีซูซุ มิตซูบิชิ นิสสัน และรถจักยานยนต์ คาวาซากิ หลังจากทางบริษัทได้มีมาตรการเลิกจ้างคนงานออกจากงานจำนวน 280 คน จากทั้งหมดในเครือกว่า 3 พันคน ในการเลิกจ้างพนักงานออกครั้งนี้ ถือเป็นชุดแรก ที่บริษัทเปิดโอกาสให้พนักงานที่ประ สงค์ ที่จะลาออกจากงานด้วยความสมัครใจ โดยที่ได้จ่ายเงินชดเชยตามอายุงานที่กฎหมายแรงงานกำหนดไว้
ซึ่งก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้ใช้มาตรการ ให้พนักงานบางส่วนหยุดงานชั่วคราว 190 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกก.สหภาพแรงงาน และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเจรจาต่อรองกับบริษัทนายจ้าง โดยที่บริษัทได้จ่ายเงินเดือนให้ระหว่างหยุดงานร้อยละ 75 ของเงินเดือน ตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมาเป็นเวลา 15 วัน จึงทำให้เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตัวแทนสหภาพแรงงาน และถือว่าขัดกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ มาตรา 21ที่ห้ามโยกย้ายพนักงานซึ่งเป็นตัวแทนสหภาพฯ อีกด้วย
"สำหรับกลุ่มบริษัทไทยเรดิเอเตอร์ กรุ๊ป จำกัด เปิดดำเนินธุรกิจมานานกว่า 25 ปีแล้ว ที่ผ่านมาผู้บริหาร ระบุว่าสามารถฝ่าฟันวิกฤติการต่างๆทางเศรษฐกิจ มาได้อย่างราบรื่น มาโดยตลอด แต่มาในปีนี้ถือว่าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จึงจำเป็นต้องหามาตรการเพื่อทำให้บริษัทสามารถอยู่รอดต่อไปได้ด้วยการลดค่าใช้จ่ายบางส่วนลง" นายสำรวย กล่าว
ขณะที่ นายวิเศษ เงินล้วน อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 203 ม.2 ต.แซออ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว คนงานผู้ซึ่งสมัครใจลาออก เพื่อแลกค่าตอบแทนตามที่กฎหมายกำหนด กล่าวว่า ทำงานอยู่ในบริษัทแห่งนี้มานานกว่า 9 ปี ที่ตัดสินใจลาออกครั้งนี้ เพราะหวั่นเกรงว่าหากอยู่รอต่อไปในอนาคต ทางบริษัทอาจไม่มีเงินจ้างพนักงานออกตามที่กฎหมายกำหนด ถ้าหากวิกฤตจากเศรษฐกิจโลกยังกระทบอย่างต่อเนื่องไม่หยุดต่อไปอีก จึงตัดสินใจรับเงินทุนเป็นเงินก้อนจำนวนกว่า 1 แสนบาทไว้ก่อนดีกว่า ที่อาจไม่ได้อะไรเลยหากทนอยู่ต่อไป
ขณะนี้ยังไม่มีเป้าหมายว่าจะไปทำอาชีพอะไร แต่ก็จะออกไปหางานประเภทอื่นทำต่อไป โดยที่ยังจะไม่เดินทางกลับไปยังภูมิลำเนา