"มอนสเตอร่า"เพื่อธุรกิจตัดใบ

            การดูแลจัดการอาคารสถานที่ให้ดูสวยงามจนเป็นที่ถูกตาต้องใจ นอกเหนือจากการตบแต่งทั่วไปจากการใช้ไม้กระถางอย่างที่เคยเห็นเป็นปกติประจำแล้ว ทุกวันนี้ยังมีการนำส่วนต่าง ๆ มาใช้งานแบบเป็นส่วนประกอบหลัก หรือเสริมให้เกิดความสวยงามเป็นที่น่าประทับใจแก่ผู้พบเห็นได้เป็นอย่างดี นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างสรรค์ผลงานให้แต่ละจุดของอาคารสถานที่เป็นที่น่าสนใจ 

              ทั้งเป็นการทำจุดที่จัดได้ดูกลมกลืนเรียบง่ายตามธรรมชาติที่จงใจตบแต่งขึ้นโดยเฉพาะ จนไปถึงขั้นโดดเด่นสะดุดตาก็สุดแล้วแต่การออกแบบและการจัดที่จะหาวัตถุดิบให้สอดคล้องกับเนื้องานที่มี ทุกๆที่ล้วนให้ความสำคัญที่มีความจำเป็นแบบแทรกเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ยากจะปฏิเสธการใช้ได้เลย

              มอนสเตอร่า(Monstera)ที่เรียกกันว่า‘พลูประดับ’ มีการปลูกเพื่อตบแต่งสวนมีชนิดพันธุ์ย่อยอยู่อย่างหลากหลาย แต่หากจะปลูกเพื่อใช้ในการตัดใบโดยเฉพาะแล้วก็คงจะนับชนิดพันธุ์ไม่มากนักที่ตลาดนิยมใช้ ไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศก็ตาม ที่มักคุ้นเคยกับ มอนสเตอร่า(Monstera deliciosa) ที่คนไทยมักจะเรียกกันจนติดปากว่า มอนไจแอนท์ อันมาจากสภาพหลังการปลูกไปสักระยะ จะมีใบที่ใหญ่มากขึ้น จึงมีการเรียกตามไปในสิ่งที่เห็นนั่นเอง 

               ส่วนการตัดใบที่เหมาะสมกับตลาดที่มีการซื้อขายและนำไปจัดใช้งานจะต้องตัดใบที่แก่พอดี มีจำนวนและขนาดที่ตลาดกำหนดซึ่งลักษณะใบของมอนสเตอร่าเองจะค่อนข้างกลมหนา แผ่นใบมีรูและรอยฉีกจากธรรมชาติ มีสีเขียวเข้มสด ก้านยาวและมีร่องที่โคนก้านใบ อายุหลังการเก็บเกี่ยวยาวนานมากหากมีการปฏิบัติที่ถูกต้อง ลำต้นเลื้อยมีข้อถี่จึงดูเหมือนชนิดพันธุ์นี้เป็นต้นที่ไม่เลื้อย และนิยมปลูกลงกระถางใช้เป็นต้นประดับ หรือปลูกลงแปลงเพื่อการตัดใบโดยไม่ต้องใช้หลักเพื่อการยึดเกาะเลย ซึ่งการปลูกนี้จะมีอายุให้ใบคุณภาพได้ยาวนานมากด้วยจากการบริหารจัดการที่ดีและมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

               พันธุ์ดีที่ปลูกมักต้องนำมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ หรือจะขยายพันธุ์ปลูกเองด้วยเมล็ดจากต้นพันธุ์ดีที่มีความพร้อมจนให้ฝัก หลังเพาะเมล็ดจนเติบโตสักระยะก็สามารถตัดใบเล็กได้แล้วหรือจะใช้ท่อนพันธุ์ตัดมาจากต้นเดิมที่มีอยู่ก็ทำได้ไม่ยากหากต้องมีขั้นตอนและวิธีการบ้างโดยต้องมีความสะอาดเป็นสำคัญ จึงจะได้ต้นใหม่เพื่อได้ใช้ตามวัตถุประสงค์ ซึ่งเวลาก็ไม่แตกต่างกันมากไปจากวิธีเพาะเมล็ดเลย 

               หลังจากได้พันธุ์ดีมีความแข็งแรงพร้อมที่จะปลูกลงแปลงเพื่อการตัดใบ จากรูปแบบเดิมที่มีการปลูกแบบปกติที่มีระยะห่างมาก ทำให้ผลผลิตต่อพื้นที่มีไม่มากเท่าที่ควร ช่องทางเดินแบบเก่าก็กว้างเกินไปทำให้เสียพื้นที่ใช้สอยแถมวัชพืชยังขึ้นได้ง่าย นับเป็นการสูญเสียทรัพยากรอย่างมากมาย ซึ่งการปลูกแบบใหม่จะช่วยประหยัดทั้งเวลา แรงงาน และต้นทุนทางการผลิต อีกทั้งการปลูกระยะชิดจะช่วยให้ผลผลิตต่อพื้นที่เพิ่มขึ้นได้อีกมาก วัสดุที่ใช้ปลูกควรมีลักษณะที่โปร่ง คงรูป ระบายอากาศและเก็บความชื้นได้ดี หาได้ง่ายในพื้นที่นั้นๆอีกทั้งราคาไม่ควรสูงเกินไป

              สภาพแวดล้อมที่ดีต้องมีแสงสม่ำเสมอ อาจเป็นการพรางแสงจากโรงเรือน หรือจากสภาพแวดล้อมรอบข้างที่เหมาะสมก็ช่วยให้ใบมีคุณภาพที่ดีได้ด้วย จนส่งผลถึงการปลูกได้ในระยะชิดเลยทีเดียวที่จะต้องจัดการในระบบการปลูก รวมถึงการคัดต้นพันธุ์ให้มีขนาดสม่ำเสมอที่จะไม่ส่งผลจนปั่นทอนในความสามารถในการเจริญเติบโตต่อต้นข้างเคียงก็เป็นการทำให้เกิดประสิทธิภาพในการปลูกเพิ่มมากขึ้น 

           นอกจากนั้นการกำหนดทิศทางของยอดในการปลูกให้ไล่ล้อไปในทิศทางเดียวกันตามแนวของแปลงปลูกก็จะช่วยลดปัญหาด้านการบริหารจัดการในระยะยาวให้สามารถตัดใบได้ยาวนานหลายปีเลยทีเดียว หากเทียบกับการปลูกเพื่อการตัดใบในรูปแบบเดิมแล้ว ปริมาณที่ได้จากการปลูกแบบใหม่อาจมากเกินกว่าเดิมหลายเท่าตัวในขนาดพื้นที่ที่ใกล้เคียงกัน ทั้งคุณภาพก็มิได้ลดน้อยถอยลงไปเลยแม้แต่น้อย เพียงต้องจัดการระบบน้ำให้เหมาะสม มีการระบายน้ำในแปลงปลูกที่ดีและมีการควบคุมมิให้เกิดโรค ศัตรูพืชเข้าทำลาย 

             การปลูกมอนสเตอร่าเพื่อการตัดใบก็จะสามารถทำได้ดีพร้อมป้อนผลผลิตสู่ตลาดที่ต้องการโดยมีการขยายพันธุ์ปลูกได้เอง ยิ่งทำให้การผลิตใบเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในคนที่รักอาชีพเกษตร ได้แตกแขนงและพร้อมที่จะเดินบนเส้นทางสายเกษตรด้วยความมั่นคงอีกทางหนึ่ง..!