ตร.จับสารพัดแก๊งหลอกขาย หลอกลงทุน

 

          วันที่ 26 ตุลาคม ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ถนนวิภาวดี พ.ต.อ.สำราญ นวลมา รรท.ผบก.สปพ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.พ.ต.ท.พรพรหม จักษุรักษ์ พ.ต.ท.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์รองผกก.สายตรวจ บก.สปพ. และตร.บก.สปพ. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนายณัฐวุฒิ หรือนัท แซ่โกว อายุ 29 ปี พร้อมด้วยของกลางรถยนต์ยี่ห้อ MG สีดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียน 4กฒ-7257 กรุงเทพมหานคร แผ่นป้ายการเสียภาษีประจำปี หมายเลขบาร์โค้ด จำนวน 1 แผ่น แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ หมายเลขทะเบียน 4กฒ-7257 กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 แผ่น ในข้อหามีและใช้เอกสารราชการปลอม โดยจับกุม บริเวณหมู่บ้านศวรรยา 2 ซ.ประชาอุทิศ 90 ต.ในคลอง อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ

 

          การจับกุมสืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย ว่าได้รับใบสั่งขับรถผิดกฎจราจรส่งมาที่บ้าน ซึ่งตรวจสอบรูปรถในใบสั่งพบว่าไม่ใช่รถของตน เพียงแต่รุ่นและสีเหมือนกันและติดแผ่นป้ายทะเบียนซึ่งตรงกับหมายเลขทะเบียนรถของตน จึงได้ทำการสืบทราบมาว่ามีเฟซบุ๊กชื่อ “กลุ่มซื้อ+ขาย รถไม่มีเล่ม(รถหลุดจำนำ) ซากรถยนต์+มอเตอร์ไซค์(ไม่เอารถขโมย)” ซึ่งมีการประกาศขายรถยนต์หลุดจำนำยี่ห้อต่างๆ และพบว่ามีประกาศขายรถยนต์ที่มีลักษณะคล้ายรถยนต์ที่ผู้เสียหายมาร้องเรียน จึงได้ติดต่อขอซื้อรถยนต์ยี่ห้อ MG สีดำ ซึ่งประกาศขายในกลุ่มเฟซบุ๊กดังกล่าว

 

          ต่อมามีผู้ใช้ชื่อในเฟซบุ๊กว่า “Nutt Saeko” จึงได้ติดต่อตกลงซื้อขายรถยนต์คันดังกล่าวในราคา 100,000 บาท และสามารถจับกุมตัว นายณัฐวุฒิ หรือนัด แซ่โกว โดยเบื้องต้นพบว่าเป็นรถยนต์เช่าซื้อที่ไม่ได้ผ่อนชำระค่างวดต่อ และไม่ได้ส่งคืนในกับธนาคารเจ้าของกรรมสิทธิ์ แต่นำไปขายต่อในลักษณะรถหลุดจำนำ ซึ่งผู้ที่รับมาขายต่อมักอ้างว่ารถยนต์คันดังกล่าวได้ซื้อมาจากผู้ครอบครองโดยถูกกฏหมายโดยไม่เกรงกลัวว่าจะมีความผิดใดๆ นอกจากนี้จะได้ทำการติดตามขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องรายอื่นๆ ในขบวนการ เนื่องจากเชื่อว่ามีการทำในลักษณะขบวนการหรือเครือข่ายต่อไป

 

 

          นอกจากนี้ได้แถลงผลจับสาวใหญ่หลอกร่วมลงทุน ขายอะไหล่รถหรูในต่างประเทศ” โดยจับกุม นางสาวจันทมาส หรือฟ้าใส บุญเลิศ อายุ 43 ปี ตามหมายจับ ศาลจังหวัดธัญบุรีที่ 503/61 ลงวันที่16 กรกฎาคม 61 ในฐาน “กระทำความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์” คือ มีผู้เสียหายหลายรายมาร้องเรียน ว่าได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากถูกหลอกลวงเอาเงินไปร่วมลงทุนมูลค่าหลายล้านบาท จากการตรวจสอบพบว่าบุคคลดังกล่าวมีหมายจับอยู่ และทำการสืบสวนติดตาม จนสามารถจับกุมตัว น.ส.จันทมาส ได้ที่โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ถนนบางนาตราด แขวง-เขตบางนา กรุงเทพ โดยพฤติกรรม น.ส.จันทมาส จะเข้ามาทำความรู้จักผู้เสียหาย ผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยได้มีการพูดคุยกันตลอดมา จนกระทั่ง น.ส.จันทมาส ได้มาตีสนิทกับผู้เสียหายว่าตนจะลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจขายอะไหล่รถหรูในต่างประเทศ โดยพูดจาหว่านล้อมว่ามีผลกำไรดีมากให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนด้วย

 

 

          จากนั้น ผู้ต้องหาได้หลอกเอาเงินจากผู้เสียหาย เพื่อดำเนินการร่วมธุรกิจที่ประเทศลาว โดยมีการหลอกเอาเงินหลายครั้งจากผู้เสียหายครั้งละ 200,000 ถึง 500,000 บาท รวมยอดเงินทั้งหมดประมาณ 6.2 ล้านบาท หลังจากนั้นเมื่อผู้เสียหายได้ติดตามทวงถามเกี่ยวกับธุรกิจที่ร่วมลงทุน ปรากฏว่าผู้ต้องหาบ่ายเบี่ยงและอ้างว่าประสบปัญหาธุรกิจที่ประเทศลาว (ที่ทำธุรกิจสินค้าอะไหล่รถยนต์) ทำให้ผู้ต้องหาไม่สามารถคืนหนี้ที่ผู้เสียหายร่วมลงทุนด้วยได้ เมื่อผู้เสียหายพยายามติดตามทวงถามเงินที่ร่วมลงทุนบ่อยครั้ง ก็ไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้อีกเลย จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่าเคยก่อคดีแบบนี้มาหลายครั้งและมักอ้างกับผู้เสียหายแต่ละราย โดยพูดจาชักชวนให้ร่วมลงทุนธุรกิจเกี่ยวกับอะไหล่รถยนต์ ซึ่งเป็นการนำเข้าอะไหล่รถยนต์จากต่างประเทศ และจะได้ผลกำไรตอบแทนอย่างดี จนผู้เสียหายหลงเชื่อและร่วมลงทุนด้วย และจากการซักถามผู้ต้องหารับว่ากระทำเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว

 

 

          นอกจากนี้ได้จับกุมคดีอาวุธปืน โดยจับกุม1.นายฤทธิชัย หรือเบส ดำแดงดี อายุ 32 ปี 2.นายอลงกรณ์ หรือตี๋ บุญประสิทธิ์ อายุ 35 ปี ข้อหาหรือฐานความผิด“มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมด้วยของกลางของกลาง อาวุธปืน FN BREVETE-S.G.D.G. มีทะเบียน จำนวน 1 กระบอก ปืนชนินลูกโม่ ยี่ห้อโค้ว ไม่มีทะเบียน จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน หลายขนาด จำนวนหนึ่ง แม็คกระซีน จำนวน 2 แม็คสมุดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ โดย พฤติการณ์การกระทำผิดได้มีการสืบสวนพบเครือข่ายจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนออนไลน์ โดยมีพฤติการณ์เสนอขายให้กับลูกค้าผ่านทางออนไลน์ และจัดส่งให้กับลูกค้าผ่านทางระบบขนส่งเอกชน.