
นอร์เวย์ขอโทษสตรีครึ่งแสนถูกตราหน้า"ผู้หญิงของเยอรมัน"
รัฐบาลนอร์เวย์ขอโทษอย่างเป็นทางการต่อสตรีราวครึ่งแสน ถูกตั้งแง่และลงโทษ เพราะมีสัมพันธ์กับทหารนาซีเยอรมันในสมัยสงครามโลก
นายกรัฐมนตรีเอร์นา โซลเบิร์ก แถลงขอโทษอย่างเป็นทางการในนามของรัฐบาล ต่อสตรีชาวนอรเวย์ และลูกหลานของพวกเธอที่ได้รับการปฏิบัติอย่างอัปยศหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ฐานเป็นภรรยาหรือมีลูกกับทหารเยอรมันผู้ยึดครองประเทศในช่วงนั้น
นอร์เวย์ซึ่งดำรงตนเป็นกลาง ถูกทหารนาซีกว่า 3 แสนคน เข้ายึดครองเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2483 ไฮน์ริช ฮิมเลอร์ หัวหน้าหน่วยตำรวจเอสเอส กระตุ้นส่งเสริมทหารเยอรมันหาคู่ครองเป็นสตรีท้องถิ่น อันเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายดำรงความบริสุทธิ์ของชนชาติอารยัน ภายใต้โครงการเลเบนสบอร์น และนอรเวย์คือประเทศที่นาซีตั้งศูนย์เลเบนสบอร์น นอกประเทศเป็นแห่งแรกในปี 2484
ศูนย์ศึกษาชนกลุ่มน้อยและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในนอร์เวย์ ประเมินว่า มีสตรีราว 3- 5 หมื่นคนมีสัมพันธ์ หรือต้องสงสัยมีสัมพันธ์กับทหารนาซี และถูกตีตราเป็น ผู้หญิงของเยอรมัน (German girls) ตลอดชีวิต
หลังนอรเวย์ได้รับการปลดแอกจากนาซี ในปี 2488 สตรีเหล่านี้ถูกล้างแค้นเอาคืนด้วยการไล่ออกจากงาน จับกุมคุมขัง ขับไล่และเพิกถอนสัญชาติ
โซลเบิร์ก ใช้โอกาสครบรอบ 70 ปีแห่งปฏิญญาสิทธิมนุษยชน กล่าวขอโทษในนามรัฐบาล โดยระบุว่า สตรีนอรเวย์เหล่านั้น เป็นเหยื่อการปฏิบัติอย่างอัปยศ สำหรับผู้หญิงหลายคน สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแค่ความรักของวัยรุ่น บางคนคือรักที่จะใช้ชีวิตกับทหารศัตรู หรือเกี้ยวพาราสีโดยไม่ได้มีอะไรแอบแฝง แต่กลับถูกตีตราตลอดชีวิต การปฏิบัติต่อพวกเธอละเมิดหลักการที่ว่า ไม่ควรมีพลเมืองคนใดถูกลงโทษนอกกระบวนการยุติธรรม
ก่อนหนานี้ นอรเวย์เคยขอโทษอย่างเป็นทางการต่อลูกหลาน 1 หมื่น ถึง 1.2 หมื่นคนของสตรีเหล่านั้น ซึ่งถูกแบ่งแยกปฏิบัติเพราะมีแม่เป็นชาวนอรเวย์ พ่อเป็นทหารเยอรมัน เด็กจำนวนมากถูกส่งไปอยู่กับครอบครัวอื่น หรือสถาบันที่ตั้งขึ้นมาเฉพาะ
ไรดาร์ กับเลอร์ บุตรชายของสตรีชาวนอรเวย์ที่ถูกเนรเทศในปี 25488 พร้อมกับสามีชาวเยอรมัน กล่าวว่า คำขอโทษของผู้นำนอรเวย์มาช้า คนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเสียชีวิตแล้วส่วนใหญ่ กระนั้น คำขอโทษมีความสำคัญสำหรับประวัติศาสตร์ และต่อครอบครัวและลูกหลานของพวกเขา
กูรี เยลเนส นักประวัติศาสตร์ที่ศึกษาการปฏิบัติต่อคนกลุ่มต่างๆของนอร์เวย์ในยุคหลังสงคราม กล่าวว่า ชายนอร์เวย์ 28 คนที่แต่งกับสตรีเยอรมันในยุคสงครามไม่มีใครถูกเนรเทศหรือถูกลิดรอนสิทธิเลย ส่วนสตรีที่มีสัมพันธ์ส่วนตัวกับทหารเยอรมันนั้น ไม่อาจไปตัดสินว่าพวกเธอช่วยทหารเยอรมันทำสงคราม อาชญากรรมเดียวของพวกเธอคือฝ่าฝืนกฎที่ไม่ได้เขียนไว้