
บันนังสตา แหล่งเหมืองแร่แห่งยะลา
เมื่อกล่าวถึงอาชีพของผู้คนในภาคใต้ คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงแต่การทำสวนยางพารา และการประมง แต่ลืมอาชีพที่สำคัญอาชีพหนึ่งไปก็คือ การทำเหมืองแร่
ภาคใต้ของไทยมีแหล่งแร่ธาตุหลากหลายชนิด แต่แร่ดีบุกเป็นแร่ที่มีมาก จึงเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
ราวปี พ.ศ. 2061 โปรตุเกสได้เข้ามาตั้งห้างรับซื้อแร่ดีบุกยังเกาะถลาง เพื่อนำไปทำอาวุธ กระทั่งถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แร่ดีบุกจากไทยถูกส่งไปขายยังประเทศตะวันตก เช่น เดนมาร์ก ฮอลันดา ฝรั่งเศส รวมทั้งประเทศแถบเอเชียด้วย เช่น อินเดีย เป็นต้น
การทำเหมืองแร่ดีบุก รุ่งเรืองขึ้นอยู่ระยะหนึ่ง หลังสังคมโลกปรับเปลี่ยนไปสู่ยุคอุตสาหกรรม จึงมีความต้องการใช้แร่ดีบุกมากขึ้นในการทำกระป๋อง เครื่องใช้ เหล็ก อุปกรณ์การก่อสร้างต่างๆ
ต่อมาราคาดีบุกในประเทศไทยผันผวน และลดน้อยลง ประกอบกับทรัพยากรแร่ก็เริ่มร่อยหรอลงไป การทำเหมืองแร่ดีบุกจึงซบเซาลง พบแต่การทำเหมืองแร่ชนิดอื่นๆ กระจัดกระจายในหลายพื้นที่ของภาคใต้
ยกตัวอย่าง อ.บันนังสตา เป็นหนึ่งในอำเภอใน จ.ยะลา ที่มีการทำเหมืองแร่มาช้านาน สำหรับชื่อ “บันนังสตา” เป็นภาษามลายู คำว่า “บันนัง หรือเบินดัง” แปลว่า “ที่นา” ส่วนคำว่า “สตา” หมายถึง “ต้นมะปราง” โดยรวมแล้วหมายความว่า ทุ่งนาที่มองเห็นต้นมะปรางโดดเด่นแต่ไกล
อ.บันนังสตา มีประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับตระกูลชาวจีนที่ชื่อ มุ้ย แซ่ตัน เป็นชาวจีนฮกเกี้ยน มาอยู่ที่เมืองสงขลาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 นายมุ้ย ได้รับอาสาเจ้าเมืองสงขลาไปต่อสู้ข้าศึกที่มารุกราน และชนะศึกในที่สุด
ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นหลวงสำเร็จกิจการ จางวางเมืองปัตตานี หลังถึงแก่กรรม มีทายาทคนสำคัญชื่อนายจูไล่ ตันธนาวัฒน์ ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระจีนคณารักษ์ นายอำเภอเมืองปัตตานี ต้นตระกูลคณานุรักษ์
พระจีนคณารักษ์มีความดีความชอบ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงพระราชทานเหมืองแร่ 5 แห่ง ให้เป็นที่ทำกิน สืบมาจนปัจจุบัน
"เรือนอินทร์ หน้าพระลาน"