ข่าว

ดราม่าหนัก! ครอบครัว "น้องอาร์ท" ไม่ได้ยากจนจริง

ดราม่าหนัก! ครอบครัว "น้องอาร์ท" ไม่ได้ยากจนจริง

12 ต.ค. 2561

เจอดราม่าหนัก! ครอบครัว "น้องอาร์ท" เด็กกตัญญูเครียด ไม่ได้ยากจนจริง ถูกเกลียดชัง ลือยอดเงินบริจาค 15 ล้าน เพื่อนบ้านแจ้งศูนย์ดำรงธรรมตรวจสอบ

 

          วันที่ 12 ตุลาคมจากกรณี ด.ช.อนุชา บุญไทย หรือ น้องอาร์ท อายุ 10 ขวบ นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนวัดคุ้งยาง ต.บ้านด่าน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ เด็กชายกตัญญู ซึ่งดูแลนายอานนท์ บุญไทย ผู้เป็นพ่อที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานต้องถูกตัดขาด 1 ข้าง นายเฉลย บุญไทย ปู่ อายุ 64 ปี ป่วยโรคเบาหวาน และ นางรวย บุญไทย ย่า อายุ 63 ปี ที่แก่ชรา หูตึง โดย น้องอาร์ท จะช่วยย่ารวย แกะเมล็ดข้าวโพด ที่เก็บจากไร่นาของเพื่อนบ้านที่ไม่เอาแล้ว เพื่อขายให้พ่อค้า กิโลกรัมละ 4.50 บาท ได้ครั้งละ 40-50 กิโลกรัม เพื่อนำเงินมาจุนเจือครอบครัว และออกไปวางข่ายดักปลา ตกเบ็ดตามท้องไร่ท้องนานำมาทำกับข้าว ซึ่งหลังจากที่มีการเผยแพร่ข่าวออกไป มีผู้ร่วมกันบริจาคเงินช่วยเหลือน้องอาร์ทและครอบครัว รวมกว่า 8 ล้านบาท

 

          ต่อมาเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าครอบครัวน้องอาร์ทไม่ได้ยากจน น้องอาร์ทไม่ได้เป็นเด็กกตัญญู และมีประชาชนในหมู่บ้านใกล้เคียงเดินทางไปร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม เรียกร้องให้มีการตรวจสอบบัญชีเงินบริจาค จากนั้นมีการนำเสนอข่าวในบางสื่ออย่างต่อเนื่องว่า ข่าวที่ออกมาเป็นการสร้างเรื่อง จัดฉากของผู้สื่อข่าว เพื่อหวังเงินบริจาค

 

          ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 7/6 หมู่ 6 ต.บ้านด่าน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ เพื่อพบกับน้องอาร์ท คุณปู่ คุณย่า และพ่อน้องอาร์ท ที่มีสีหน้าซึมเศร้า อยู่ในอาการเครียด พร้อมนำเอกสารยอดเงินบริจาค และรายละเอียดการนำเงินไปใช้สิ่งใดบ้าง ซึ่งขณะนี้สมุดบัญชีไม่ได้อยู่กับครอบครัว เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่นำไปตรวจสอบ

 

ดราม่าหนัก! ครอบครัว \"น้องอาร์ท\" ไม่ได้ยากจนจริง

 

          นายเฉลย บุญไทย ผู้เป็นปู่ ซึ่งป่วยโรคเบาหวาน กล่าวว่า หลังจากที่สื่อได้เสนอข่าวเกี่ยวกับน้องอาร์ท จนมีผู้บริจาคเงินเข้ามาจำนวน 8,472,936.50 บาท ไม่ใช่ 15 ล้านบาทตามที่มีข่าวออกไป และได้ปิดบัญชีเงินบริจาคไปเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2561 ตามที่เจ้านายทางอำเภอบอก ส่วนเงินบริจาคที่ได้รับมาก็ได้ถอนออกมาใช้หนี้จากการเลี้ยงหมูเมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมาจำนวน 1 ล้านกว่าบาท ใช้หนี้กองทุนหมู่บ้าน ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน เงินกู้คนพิการ และนำเงินไปทำบุญเทศมหาชาติและกฐินอีกจำนวน 31,000 บาท ที่เหลืออีก 6,900,000 บาท ได้จัดสรรออกเป็น 3 บัญชีของธนาคารกรุงไทย บัญชีแรก เปิดเป็นชื่อ นางรวย บุญไทย ซึ่งเป็นย่า และ ด.ช.อนุชา บุญไทย หรือ น้องอาร์ท จำนวน 2 ล้านบาท สำหรับเป็นทุนการศึกษา จะถอนได้เมื่อน้องอาร์ท อายุ 20 ปีบริบูรณ์ 

 

 

 

ดราม่าหนัก! ครอบครัว \"น้องอาร์ท\" ไม่ได้ยากจนจริง

 

          บัญชีที่ 2 เป็นชื่อนางรวย บุญไทย ซึ่งเป็นย่า จำนวน 2 ล้านบาท และบัญชีที่ 3 ชื่อ นางรวย บุญไทย ย่า จำนวน 2,900,000 บาท โดยหวังได้ดอกเบี้ยมาแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว และพาพ่อของน้องอาร์ทที่พิการ ถูกตัดขาไปหาหมอตามนัด ซึ่งแต่ละครั้งก็มีค่ารถประมาณ 400 บาท ยังไม่รวมค่ากิน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ และตอนนี้บัญชีเงินฝากดังกล่าวก็ไม่ได้อยู่ที่ตน ทางอำเภอเมือง ได้เก็บไปเพื่อตรวจสอบ

 

          ปู่เฉลย กล่าวว่า หลังมีการนำเสนอข่าวจัดฉาก ไม่ได้ยากจน ทำให้ครอบครัวถูกเกลียดชังจากสังคม โดนกล่าวหาว่าลวงโลก ไม่เฉพาะในหมู่บ้านแต่ลงเฟซบุ๊กและสื่อ ทุกอย่างไม่ได้มีการจัดฉากแต่อย่างใด ตนมีที่ดินจริง แต่ทำไม่ไหวแล้ว เพราะตนมีโรคประจำตัวมาก ทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ลูกชายก็พิการ เหลือแต่ย่า ซึ่งทำคนเดียวไม่ไหว ก็ให้ชาวบ้านเช่า เพื่อเอาข้าวมากิน หลังจากมีข่าวออกมาว่าครอบครัวตนจัดฉาก ก็เครียดมาก เพราะมีโรคความดันสูงอยู่แล้ว

 

          " ต้องขอขอบคุณผู้ใจบุญที่มาบริจาคมาช่วย ด.ช.อนุชา บุญไทย หรือ น้องอาร์ท ซึ่งครอบครัวจะทำตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคในการดูแลส่งเสียน้องอาร์ทให้เรียนจนจบปริญญา ทั้งนี้ น้องอาร์ทเคยได้รับคัดเลือกให้ไปรับทุนการศึกษาจากสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่อำเภอเมืองด้วย โดยมีนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นผู้มอบให้" ปู่เฉลย กล่าว

 

ดราม่าหนัก! ครอบครัว \"น้องอาร์ท\" ไม่ได้ยากจนจริง

 

          ด้าน พ.ต.อ.ดิษยเดช พัชรภูวดล ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ทางอำเภอเมือง ได้มีหนังสือถึง สภ.เมือง ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไรและรายงานผลไปยังอำเภอ ซึ่งขณะนี้ได้ให้ชุดสืบสวนลงไปตรวจสอบที่ภูมิลำเนาของน้องอาร์ท เพื่อหาพยานหลักฐานและตรวจสอบทางการเงิน โดยได้ทำหนังสือไปยังธนาคารที่เปิดบัญชี ซึ่งได้รับแจ้งเกี่ยวกับยอดเงินในบัญชีแล้ว โดยพนักงานสอบสวนไม่ได้มีการสั่งอายัด เพราะยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

 

          นายประยุทธ เต่าแก้ว หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า มาดูสุขภาพจิตเด็ก ตามภารกิจในการคุ้มครองเด็ก ไม่อยากให้ปัญหาของผู้ใหญ่กระทบต่อเด็ก หวังว่าจะสามารถพูดคุยกันได้ ส่วนข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หน่วยงานเกี่ยวข้องคงจะได้ตรวจกันต่อไป ซึ่งจากการติดตามพูดคุยกับน้องอาร์ท พบว่าได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ ก็จะหมั่นมาเยี่ยมเยียนอย่างใกล้ชิดต่อไป.

 

 

ภาพ / ข่าว -  บุญพิมพ์ ใบยา