แม้ผ่านมานานหลายสิบปี แต่ความเจ็บปวดของเด็กหญิงวัย 13 ขวบถูกจับแต่งงานกับคนแปลกหน้ายังเป็นแผลบาดลึกของ ซาอิล อายู แม่ลูกสี่ในวันนี้
ซาบาห์ วีเมนส์ แอคชัน-รีซอร์ส กรุ๊ป ( ซาโว ) กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสตรีในรัฐซาบาห์ เผยคลิป สัมภาษณ์ ซาอิล อายู แม่บ้านชาวมาเลเซียวัย 59 ปี บอกเล่าประสบการณ์สุดเลวร้ายในชีวิต เมื่อถูกบิดาบังคับแต่งงานในวัยเพียง 13 ปีกับคนแปลกหน้า เพราะไม่มีเงินให้เธอเรียนต่อ
“ฉันไม่รู้อะไรเลย รู้แต่ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งมาบ้าน ฉันไม่ได้ใส่ชุดชั้นในด้วยซ้ำตอนนั้น ได้รับคำสั่งให้สวมอะไรบางอย่างสำหรับแต่งงาน แต่ไม่รู้เลยอะไรคือแต่งงาน เราก็ใส่เสื้อผ้าปกติเหมือนทุกวัน ไม่มีภาพแต่งงาน ไม่รู้กระทั่งผู้ชายคนนั้นคือสามี เราแค่นั่งลง ทุกคนมองมาที่เราและปรบมือ” นางอายูเล่าทั้งน้ำตา
(รูป Sawo via FMT )
ซาอิล มาจากครอบครัวฐานะยากจนในหมู่บ้านเคมาบอง เมืองเทนอม ปัจจุบัน อายุ 59 ปี ก่อนถึงวันที่เปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล แต่เธอชอบเรียนหนังสือ แม้ว่าต้องเดินไปกลับโรงเรียนไกลๆ และยากจนมาก เกรดของเธอก็ดีกว่าเพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่ อยากเข้าโรงเรียนมัธยม และอยากเป็นครู
ในวันแต่งงาน ซาอิลกลัวมากและร้องไห้ทั้งวัน “พ่อเห็นฉันร้องไห้ เขาเฆี่ยนฉัน ฉันบอกพ่อว่าอยากไปโรงเรียน และหันไปขอร้องแม่ให้ช่วยเกลี้ยกล่อมพ่อว่าฉันอยากเรียน พอพ่อได้ยิน ก็เลยตีซ้ำ”
สุขภาพจิตของเธอย่ำแย่ตลอดมา ตอนอายุ 20 ปี พยายามฆ่าตัวตาย 2 ครั้ง ซาอิลกล่าวว่า เธออยากตาย แต่ไม่มีความกล้าพอ พอคิดว่าหากกินยาพิษ แล้วใครจะดูแลลูก เธอไม่สามารถลืมช่วงเวลานั้นได้ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้ ทั้งหมดอาจเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า
แม่ลูกสี่ยอมรับว่าอิจฉาอดีตเพื่อนร่วมชั้นที่ได้เรียนต่อได้เป็นครูและพยาบาล และคิดเสมอว่าทำไมเธอไม่มีโอกาสนั้นมากทั้งที่ขยันเรียน
(รูป Sawo via FMT )
ตอนแต่งงานกัน สามีของเธออายุ 16 ทั้งคู่มีลูก 4 คน และสามีเสียชีวิตแล้ว ซาอิลกล่าวว่าหากไม่ถูกบังคับแต่งงานในวัยนั้น สามีของเธออาจไม่ต้องแต่งงานก็ได้ และฉันอาจจะอยู่ในที่ที่ดีกว่านี้ แต่เธอไม่โทษเขา เราทำอะไรไม่ได้แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอไม่เคยปริปากพูดเรื่องอดีต เพราะรู้สึกเจ็บปวด แต่ตอนนี้ เข็มแข็งพอจะพูดได้แล้ว
ด้าน ยัสมิน อูอิ เลขาธิการกลุ่มซาโว บอกสำนักข่าวฟรีมาเลเซียทูเดย์ ว่า ทางองค์กรคิดว่าจำเป็นต้องทำวิดีโอขึ้นขึ้นมาเพราะมีนักการเมือง ผู้กำหนดนโยบาย ข้าราชการและคนอีกมากมายที่ยังคิดว่าการพาเด็กมาแต่งงาน เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ในแง่ว่าเป็นทางออกหนึ่งของความยากจน เพื่อรักษาหน้าตาครอบครัว หรือเพราะวัฒนธรรมอนุญาต
ยัสมิน กล่าวว่า ทุกครั้งที่มีกระแสฮือต่อต้านการแต่งงานเด็ก จากองค์กรประชาสังคม จะมีเสียงเรียกร้องจากนักการเมืองและผู้กำหนดนโยบาย ให้ผู้เชี่ยวชาญทำการศึกษาประเด็นนี้ แต่องค์กรสงสัยว่าใครคือผู้เชี่ยวชาญที่พวกเขาจะขอคำปรึกษา บ่อยครั้งผู้หญิงและเด็กผู้หญิงที่ถูกบีบบังคับเป็นเจ้าสาวเด็ก ไม่เคยได้รับการหารือ ผู้รอดจากการแต่งงานเด็กต่างหากที่ควรเป็นผู้เชี่ยวชาญในสถานการณ์ที่พวกเขาต้องการวิจัย
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มซาโวจึงต้องการช่วยขยายเสียงของเจ้าสาวเด็ก และอยากให้ทุกคน รวมถึงผู้นำศาสนาและนักการเมือง ได้ยินกับตัวเองว่าเจ้าสาวเด็กรู้สึกอย่างไร และชีวิตของพวกเธอเป็นอย่างไรหลังจากต้องออกจากโรงเรียนและบังคับแต่งงานตั้งแต่ยังเด็ก
สำหรับรัฐซาบาห์ มุขมนตรี ชาฟี อับดาล เพิ่งประกาศเมื่อไม่กี่วันก่อน ยอมจำนนต่อกระแสสังคม ปรับอายุแต่งงานเป็น 18 ปี แม้ว่าผู้นำศาสนาในรัฐซาบาห์เสนอให้เด็กหญิงแต่งงานได้ตั้งแต่อายุ 14 ปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง