ภาพข่าวโดย...อนันต์ วิจิตรประชา / พงศธรรศ รุจิพุฒธันยพัต
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 6 ก.ย. 61 หลังจากที่มีหนุ่มเขียนข้อความบรรยายผ่านเฟซบุ๊กว่า นี่คือการตัดสินการทำงานจากเพศ โดยไม่ได้มองศักยภาพในตัวของคนนั้นเลย ไม่คิดว่าการกรอกใบสมัครงานจะต้องมาเจอเหตุผลและคำถาม ที่ต้องตอบลงในใบที่สมัคร ถือเป็นการไม่ให้เกียรติอย่างรุนแรง #นี่หรือคือประเทศไทยยุค4.0 ยุคที่บอกว่าทุกคนทุกเพศมีสิทธิเท่าเทียมกัน แต่ในโลกของความเป็นจริง!!มันไม่ใช่ มันคือความโหดร้ายที่สุด #โรงเรียกเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี #ไม่รับบุคคลที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศเข้าทำงาน เป็นข้อความที่เห็นแล้วสะเทือนใจจริงๆ!! เป็นการปิดกั้นโอกาสมากก
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง รร.เอกชนดังกล่าว เพื่อสอบถามถึงกฎระเบียบที่ระบุในใบสมัครงาน แต่ไม่มีใครออกมาให้สัมภาษณ์ และทาง ผอ.รร.เอกชนดังกล่าว ไม่อยู่ ทางผู้สื่อข่าวเลยไปที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดปทุมธานี ได้พบกับ นายกฤษณะ เลิศวิชานันท์ รองศึกษาธิการจังหวัดปทุมธานี
นายกฤษณะ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า รร.เอกชน ตามกฎหมายของ พ.ร.บ. รร.เอกชน โรงเรียนสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ขึ้นเองได้ ไม่ต้องมารอทางศึกษาธิการจังหวัดว่าจะออกกฎอะไรออกไป ถ้าผู้สมัครเป็นครูเห็นว่าไม่ถูกต้องหรือเห็นว่าขัดกับกฎหมาย สามารถฟ้องร้องตามกฎหมายเองได้เลย ส่วนเรื่องกฎที่ระบุว่า ไม่รับเพศที่ 3 อันนี้เป็นเรื่องของโรงเรียนที่พิจารณาคนที่จะเข้ามาเป็นครู ทางศึกษาธิการจังหวัดไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ เพราะทางโรงเรียนอาจจะต้องการแค่ครูผู้หญิงหรือผู้ชาย โรงเรียนสามารถกระทำได้ แต่จะขัดกับกฎหมายหรือไม่นั้น ถ้าผู้สมัครไม่พอใจก็ต้องฟ้องร้องกันไป
ตอนนี้ทางศึกษาธิการจังหวัดไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะ รร.เอกชนดังกล่าว เป็นนิติบุคคล ที่จะเขียนกฎระเบียบต่างๆ ขึ้นเองได้ ส่วนจะขัดหลักกฎหมายหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะเห็นว่าไม่ถูกต้อง ก็ฟ้องร้องกันไป ว่าไปตามกฎหมาย หรือคิดว่าตัวเองทำถูก เรื่องที่เกิดขึ้นตนยังไม่รู้เรื่องเลย เพราะยังไม่มีเรื่องร้องเรียนมาถึงศึกษาธิการจังหวัด
นายเอ (นามสมมติ) ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกเสียใจที่ได้เห็นข้อความนั้น แสดงว่าทาง รร.เอกชนดังกล่าว ไม่ได้มองที่ศักยภาพในตัวของบุคคล แต่มองเรื่องเพศเป็นหลัก ที่โพสต์ลงไปคือเอาความรู้สึกของตัวเองโพสต์ที่ไปเจอมาวันนั้น หลังจากโพสต์ไปแล้วมีเพื่อนส่วนหนึ่งมาให้กำลังใจ และอีกส่วนนึกมาบอกว่า เป็นกฎระเบียบของทางโรงเรียนที่ตั้งไว้ ถ้าเค้าไม่รับก็ให้ไปที่ใหม่ ในส่วนนี้อยากจะบอกว่า ถ้าตั้งกฎระเบียบแบบนี้ทุกโรงเรียน พวกผมหรือพวกที่เบี่ยงเบนทางเพศก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำงานในส่วนที่ตัวเองรักเลยหรอ ปกติโรงเรียนอื่นในใบสมัครไม่มีกฎแบบนี้ รู้สึกเหมือนโดนทำร้ายจิตใจ นี่เป็นความรู้สึกของตน ไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดยังไง แต่ตนรักที่จะทำงานนี้เลยรู้สึกแย่กับกฎระเบียบที่ รร.เอกชน ตั้งขึ้น ตนอยากบอกกับผู้ใหญ่หรือคนคิดนโยบายว่า ให้เปิดกว้างทางความคิด ไม่ปิดโอกาส ไม่ปิดกั้นความสามารถ เพราะทุกคนมีความสามารถเท่ากันหมด อยากให้เปิดโอกาสตรงนี้ว่าเราสามารถทำงานตรงนี้ได้ ไม่ต่างกับชายจริงหรือหญิงแท้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง