ข่าว

ประวัติศาสตร์แห่งปลายด้ามขวาน (7) : นโยบายใต้ร่มเย็น

ประวัติศาสตร์แห่งปลายด้ามขวาน (7) : นโยบายใต้ร่มเย็น

26 ต.ค. 2552

พล.ท.หาญ ลีนานนท์ เป็นหนึ่งในคณะนายทหารที่ร่วมกันเสนอและผลักดันคำสั่ง 66/23 มาตั้งแต่เมื่อครั้งรับราชการอยู่ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ต่อมาในปี พ.ศ.2524 เมื่อท่านได้รับความไว้วางใจให้มารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ก็ได้ประกาศ นโยบายใต้ร่มเย็น โดยมีใจความดังนี้

 1.สร้างความปลอดภัยให้เกิดแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทุกหมู่เหล่า โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติและศาสนา ไม่ว่าพี่น้องไทยพุทธ หรือ ไทยมุสลิม จะต้องได้รับการคุ้มครองจากกำลังของรัฐบาล ให้ปลอดภัยจากการคุกคามของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ขบวนการโจรก่อการร้าย โจรคอมมิวนิสต์มาลายาและกลุ่มโจรต่างๆ

 2.ทำพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซียให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยเพื่อสถาปนาและฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ดีขึ้น และยกระดับความสัมพันธ์อันดีต่อกันระหว่างไทย-มาเลเซียให้สูงขึ้น

 3.กำจัดอำนาจเผด็จการ อิทธิพล และอำนาจมืดที่ครอบงำบรรยากาศอยู่ทั่วไปให้หมดสิ้นโดยสันติวิธี เพื่อทำให้ประชาชนทุกหมู่เหล่ามีสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีองค์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

 4.สร้างความสัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่ปกครองกับราษฎรผู้ถูกปกครอง และขจัดความแตกแยกระหว่างเจ้าหน้าที่กับราษฎรให้หมดสิ้นไป

 แม้ในช่วงปี พ.ศ.2524 นั้น ทางราชการยังคงให้น้ำหนักความสำคัญต่อปัญหาคอมมิวนิสต์เป็นลำดับแรก แต่จากนโยบายนี้เห็นได้ชัดเจนว่า ก็ได้ให้น้ำหนักความสำคัญต่อปัญหาชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่น้อยเช่นกัน

 เมื่อประกาศนโยบายนี้ออกไปติดตามด้วยการทุ่มเทปฏิบัติตามนโยบายอย่างจริงจัง ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากประชาชนชาวใต้รวมทั้งชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยพร้อมเพรียงกันอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ทำให้สถานการณ์รุนแรงในภาคใต้ทั่วทุกพื้นที่ลดระดับความรุนแรงลงอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้โจรคอมมิวนิสต์มาลายาและพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยภาคใต้ประกาศยุติการต่อสู้ด้วยอาวุธทั้งหมดในเวลาต่อมา

 กล่าวสำหรับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในยุคนั้น ท่านได้ให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างยิ่ง ตลอดระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีติดต่อกันระหว่าง พ.ศ.2523 จนถึง พ.ศ.2531 เป็นเวลาถึง 8 ปี รัฐบาลภายใต้การนำของท่านได้ยกระดับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็น "พื้นที่พิเศษที่มีปัญหาความมั่นคง" พร้อมทั้งกำหนดนโยบายและโครงการรวมทั้งงบประมาณเป็นพิเศษเพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่นี้ นับได้ว่าเป็นมิติใหม่ของการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง

 ต้นปี 2524 รัฐบาลได้จัดตั้ง "ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้-ศอ.บต. เพื่อแก้ปัญหาการขาดบูรณาการและเอกภาพในการแก้ปัญหาในพื้นที่ โดยให้การดำเนินการด้านความมั่นคงของทุกส่วนราชการไม่ว่าจะสังกัดกระทรวงใด ทั้งด้าน "การปราบปราม" และ "การพัฒนา" ต้องผ่าน ศอ.บต. ซึ่งอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ แม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งได้ปรับนโยบายการต่อสู้มาให้สอดคล้องกับคำสั่ง 66/23 แล้ว โดยเฉพาะต่อมาเมื่อมีการประกาศนโยบายใต้ร่มเย็นในปลายปีนี้ก็ยิ่งทำให้การแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ประสบความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรมอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน ทั้งปัญหาคอมมิวนิสต์ไทย ปัญหาโจรคอมมิวนิสต์มาลายา รวมทั้งปัญหาขบวนการโจรก่อการร้าย

 พล.อ.เปรมให้ความสำคัญต่อการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างยิ่ง สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกองทัพภาคที่ 4 และศอ.บต.จัดทำโครงการและได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลเป็นพิเศษเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

 พี่น้องชาวไทยทุกคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขณะนั้น เหมือนตื่นจากฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนมานานนับศตวรรษ และหวังเต็มเปี่ยมว่าจากนี้ไป พวกเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินไทย ที่ทั้งเชื้อชาติและศาสนาจะไม่เป็นอุปสรรคกั้นขวางความเป็น "พี่น้องไทย" อีกต่อไป

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์