
รถไฟไทย...
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างรถไฟสายใต้ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อประมาณร้อยปีเศษมาแล้ว
รถไฟไทยเริ่มเดินออกจากปากคลองบางกอกน้อยไปยัง จ.เพชรบุรี โดยพระราชประสงค์ของ พระพุทธเจ้าหลวง ที่จะใช้เส้นทางสายนี้ขยายให้เป็นทางเชื่อมต่อกับรถไฟมลายูของอังกฤษในขณะนั้น ต่อไป
รถไฟไทยสร้างขึ้นในขณะที่ถนนหลวงส่วนใหญ่ยังเต็มไปด้วยเกวียนแล่นสัญจรไปมาอยู่เลย
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อตำแหน่งผู้บัญชาการรถไฟหลวงว่างลง ทรงเห็นว่าตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่สำคัญจะต้องใช้บุคคลผู้มีความสามารถเป็นพิเศษ เก่ง ทั้งในทางการช่างและการบังคับบัญชา กิจการรถไฟไทยถึงจะเจริญก้าวหน้าได้
เพราะกิจการรถไฟนั้นมิได้เป็นแต่เพียงการช่างเท่านั้น แต่หมายถึงยุทธศาสตร์ทั้งในด้านการเศรษฐกิจและการบริหารการปกครองของประเทศด้วย
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เป็นผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวงมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2460
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ทรงศึกษามาทั้งในด้านศิลปวิทยา และวิชาทหารช่างจากประเทศอังกฤษ เมื่อได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวงแล้ว ก็ได้ทรงสร้างประโยชน์ และความก้าวหน้าให้แก่กิจการรถไฟไทยเจริญรุ่งเรืองและยืนยาวมาได้จนถึงบัดนี้
ผู้บริหารการรถไฟและคนรถไฟในวันนี้ ทำอะไรก็น่าจะคำนึงถึงพระผู้เป็นเสมือนบิดาของการรถไฟนี้บ้างครับ
พระประวัติของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน คือประวัติของการรถไฟไทยก็ว่าได้ อย่างเช่น ทรงเห็นการณ์ไกลในการรวมรถไฟสายเหนือและสายใต้ให้ต่อเชื่อมถึงกัน และการที่ทรงริเริ่มในการใช้หัวรถจักรดีเซลลากจูงขบวนรถไฟ แทนรถจักรไอน้ำขึ้นเป็นครั้งแรก เป็นต้น
ในเรื่องการใช้หัวรถจักรดีเซลนี้ ปรากฏว่า พระองค์ถูกหนังสือพิมพ์ในขณะนั้นโจมตีมากเพราะ ไม่เห็นควร แต่เมื่อเวลาผ่านไปถึงได้ยอมรับกันว่าพระองค์ทรงคิดถูกและทรงเห็นการณ์ไกล
ต่อไปนี้คือ ข้อความตอนหนึ่งในลายพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีถึงพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน
“รู้สึกว่า ราชการกรมรถไฟเป็นราชการสำคัญ และมีงานต้องทำมากเพราะเต็มไปด้วยความยุ่งยากและฉันรู้สึกว่าเป็นเคราะห์ดีอย่างยิ่งที่ฉันได้เลือกตั้งให้ตัวเธอเป็นผู้บัญชาการรถไฟ และอาจพูดได้โดยไม่แกล้งยอเลยว่า ถ้าเป็นผู้อื่นเป็นผู้บัญชาการการงานอาจยุ่งเหยิงมากจนถึงแก่เสียทีได้ทีเดียว...”
คัดมาให้เฉพาะผู้บริหารการรถไฟ (ที่ไม่เอาอ่าว) อ่านกันครับ