ทบทวนเพื่อช่ำชอง | คมชัดลึก

 ด้วยเหตุนี้ตำรวจจึงมีบทบาทในสังคมมาก เป็นทั้งที่พึ่งพายามเดือดร้อน เป็นทั้งเพื่อนและบางทีอาจเป็นนายสำหรับชาวบ้านตามต่างจังหวัด เครื่องแบบสีกากีศักดิ์สิทธิ์เหมือนอัศวินขี่ม้าขาว ที่ต่อกรกับเหล่าร้ายและมิจฉาชีพ

 จากความคาดหวังทั้งหลายเหล่านี้ ตำรวจจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนด้านยุทธวิธีและการปฏิบัติอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อลดความสูญเสียชีวิตและการบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตั้งอยู่บนปัจจัยเสี่ยงหลายประการ แต่ในความเป็นจริงแล้วมีการฝึกทบทวนด้านยุทธวิธีน้อยมาก หลังจากจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน หรือโรงเรียนพลตำรวจแล้ว มักจะไม่ได้รับการฝึกอบรมอีกเลย ทั้งที่มีความสำคัญในอันดับต้นๆ

 ไม่ต้องอะไรมากครับ แค่อาวุธปืนที่ใช้ก็บ่งบอกให้เห็นแล้วว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน ทุกวันนี้ยังเป็นการเรียนการสอนกับปืน .38 ทั้งที่ในความเป็นจริงวิวัฒนาการด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ก้าวหน้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แม้แต่โจรผู้ร้ายยังมีปืนออโตเมติกทันสมัยใช้ ส่วนตำรวจไทยถ้าอยากได้ปืนดีๆ ต้องควักกระเป๋าซื้อเอง

 เมื่อปืนที่มีอยู่สู้โจรไม่ได้ เสื้อเกราะกันกระสุนก็ไม่มี แถมไม่ได้รับการฝึกฝนทบทวนยุทธวิธีอย่างสม่ำเสมอ นานๆ ไปพวกเขาก็ลืมขั้นตอนการปฏิบัติ เหมือนคนที่ไปเรียนขับรถมาจนเป็นแล้ว พอกลับมาใช้ชีวิตประจำวันไม่ได้ขับรถนานๆ ไปก็ลืม นี่ก็เช่นกันเวลาเผชิญหน้ากับขโมยขโจรเลยว่ากันด้วยใจล้วนๆ คือ จิตใจดีอยากช่วยเหลือ แต่วิธีปฏิบัติไม่ถูกต้อง บางครั้งเราจึงเห็นตำรวจคาดซองปืนไว้หมิ่นเหม่เข้าไปจัดการกับคนเมาบ้าง ผู้ร้ายบ้าง หรือก้มๆ เงยๆ คืบคลานเข้าประชิดรถขนยาบ้า เกิดการต่อสู้ แย่งปืน หรือยิงปะทะ หลายคดีจบลงด้วยความสูญเสียบุคลากร มันคุ้มกันหรือไม่

 ฝากถึงรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยละกันครับ ในเมื่อให้ดาบอาญาสิทธิ์มาแล้วก็ควรมอบหินลับคมมีด และทบทวนวิธีลับมีดให้พวกเขาด้วยถึงจะถูก ไม่เช่นนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับแท่งเหล็กขึ้นสนิมอยู่กับอัศวินขี้เถ่อ ส่วนอีกฝ่ายเป็นมนุษย์แห่งโลกอนาคตกันไปหมดแล้ว อย่างนี้ยังจะหวังพิทักษ์โลกให้สงบสุขอยู่อีกหรือ !?!

มัธยัสถ์ อินมา
[email protected]