
ส่งจิตแพทย์ดูแลน้องมินท์เหตุแม่น้องถูกฆ่า
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ส่งจิตแพทย์จากกรมสุขภาพจิต ดูแลจิตใจน้องมินท์ เป็นกรณีพิเศษอย่างเร่งด่วน เพื่อคลายความเครียด ด้านอธิบดีกรมสุขภาพจิตชี้พฤติกรรมการฆ่าแล้วหั่นศพ บ่งบอกถึงความรุนแรง โหดเหี้ยม ต้องวิเคราะห์พื้นฐานจิตใจว่ามีปัญหาสุขภาพจิตหรือ
จากกรณีที่มีการฆ่าโหดสองแม่ลูกต่อหน้าบุตรสาวคนโต ที่รอดชีวิตคือ ด.ญ.พิชยา จงงามวิลัย หรือน้องมินท์ อายุ 13 ปี โดยผู้เสียชีวิตเป็นหญิงวัย 38 ปี ถูกยิงและได้นำศพทิ้งข้างทาง และยิงเด็กชายวัย 5 ปีแล้วหั่นศพก่อนนำไปทิ้งเช่นกัน ขณะนี้เด็กหญิงคนดังกล่าวได้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระราม 9 กรุงเทพมหานคร
วันนี้(14 ตุลาคม 2552) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่าได้มอบหมายให้อธิบดีกรมสุขภาพจิต ส่งจิตแพทย์เข้าไปดูแลน้องมิ้นท์ ซึ่งเข้าใจว่ามีสภาพกดดันมากเพราะเห็นแม่และน้องถูกฆ่าตายต่อหน้า ต้องได้รับการดูแลสภาพจิตใจอย่างเร่งด่วน ซึ่งในกรณีนี้จะต้องดูแลเป็นพิเศษ จากข้อมูลของกรมสุขภาพจิต พบว่าประชาชนไทยมีภาวะเครียดเพิ่มมากขึ้น มอบนโยบายให้หาทางคลี่คลายสภาพปัญหาความเครียดของประชาชน โดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามาดูแลและแก้ปัญหา
ด้านนายแพทย์ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า เมื่อเช้าวันนี้ กรมสุขภาพจิตได้มอบหมายให้ แพทย์หญิงศุภรัตน์ เอกอัศวิน รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ นำทีมเข้าไปให้การดูแลจิตใจของน้องมินท์แล้ว จากพฤติกรรมการฆ่าแล้วหั่นศพ บ่งบอกถึงความรุนแรงและมีจิตใจโหดเหี้ยม ซึ่งจะต้องวิเคราะห์ดูพื้นฐานของจิตใจ รวมถึงตรวจว่ามีปัญหาทางสุขภาพจิตหรือไม่ ขณะนี้พบว่าคนไทยมีปัญหาซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน มีพฤติกรรมก้าวร้าว ซึ่งต้องได้รับการดูแล กรมสุขภาพจิตมีพระราชบัญญัติสุขภาพจิตซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการบังคับใช้ โดยเปิดโอกาสให้นำผู้ป่วยที่มีอาการมาบังคับเข้ารับการรักษา
นายแพทย์ชาตรี กล่าวต่อว่า จากสถิติพบว่าคนไทยปัญหามีปัญหาโรคซึมเศร้า 1.2 ล้านคน แต่เข้าถึงบริการเพียงร้อยละ 4 เท่านั้น มีภาวะซึมเศร้ารุนแรง 3 แสนคน มีภาวะอารมณ์แปรปรวน 1 แสนคน จึงพยายามเร่งให้ผู้มีปัญหาสุขภาพจิตเข้าถึงบริการการบำบัดรักษาอย่างถั่วถึง พร้อมกันนี้ได้ให้ความรู้พื้นฐานในการคัดกรองผู้ป่วยโรคซึมเศร้ากับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เพื่อเป็นแนวร่วมในการค้นหาผู้ป่วยและส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลต่อไป
ทางด้านแพทย์หญิงศุภรัตน์ เอกอัศวิน รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น ราชนครินทร์ กล่าวว่า จากการที่กระทรวงสาธารณสุขได้เข้าไปดูแลสุขภาพจิตของเด็กรายดังกล่าวร่วมกับทีมสุขภาพจิตของโรงพยาบาลพระราม 9 พบว่าสภาพจิตใจของเด็กไม่ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างที่น่าเป็นห่วง สามารถพูดคุยและตอบคำถามได้ ซึ่งในระยะนี้เด็กจะอยู่ระยะตกใจ ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย ทั้งนี้หลังจากที่เด็กออกจากโรงพยาบาลแล้ว กระทรวงสาธารณสุขจะส่งทีมจิตแพทย์เข้าไปติดตาม และดูแลจนกว่าจะหายเป็นปกติ คาดว่ากระบวนการดูแลทั้งหมดจะใช้ระยะเวลา 1 ปี ทั้งนี้ครอบครัว ญาติ หรือผู้ที่ดูแล จะต้องให้กำลังใจและดูแลเด็กควบคู่กันไปด้วย
ขณะที่นพ.ไพรัตน์ เจาฏะเกษกรินทร์ ผู้ช่วยผู้บริหารฝ่ายการแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูก โรงพยาบาลพระราม 9 เปิดเผยถึงอาการของน้องมินท์ ว่าเบื้องต้นพูดคุยกับเด็กก็มีการพูดคุยได้ดี มีการเล่าเรื่องราวได้ดี ส่วนอาการที่ได้รับบาดเจ็บเป็นที่บริเวณ ศอกซ้ายมีบาดแผล 2 แผลและมีเศษโลหะค้างอยู่ และไม่สามารถงอข้อศอกได้ ส่วนอีกทั้งเป็นบริเวณไหปลาร้าข้างขวากระดูกหัก มีบาดแผลที่เห็นประมาณ 3 แผล และมีเศษโลหะอยู่ภายในเหมือนกัน คงต้องทำการผ่าตัดเอาเศษโลหะออกก่อน และคอยระวังเรื่องแผลติดเชื้อหรืออักเสบ แต่ที่เป็นห่วงคงเป็นเรื่องสภาพจิตใจของเด็ก ซึ่งทางเราก็จะมีการจัดให้จิตเวชเด็กคอยดีแลอีกทางด้านจิตใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าบาดแผลทั้ง 2 แห่งเป็นบาดแผลจากกระสุนปืนหรือไม่ นพ.ไพรัตน์ กล่าวว่า คงยังระบุไม่ได้ว่าเกิดจากอะไรเนื่องจากว่าเป็นแผลเก่าประมาณ 2-3 วันแล้ว อีกทั้งยังเด็กอยู่อาจมีการสมานแผลเร็ว คงต้องนำเศษโหละออกมาตรวจดีอีกทีว่าเป็นอะไร ในส่วนนี้คงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่าไม่อยากพูดถึง ส่วนเรื่องที่จะมีการย้ายคนไข้ไปโรงพยาบาลตำรวจนั้นเมื่อเช้าตนเห็นในข่าวเหมือนกัน แต่ทางโรงพยาบาลไม่อยากซ้ำเติมเด็กอีกก็คงจะดูแลรักษาเด็กอย่างเต็มที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 10.30 น.เจ้าหน้าที่พยาบาลได้นำตัวน้องมิน์ ออกจากห้องพักเพื่อไปทำการผ่าตัดนำเศษโลหะออกจากบาดแผลทั้ง 2 แห่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ และบริเวณชั้น 7 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบคอยเฝ้าอยู่ตลอดเวลาและกองทับสือมวลชนทุกแขนงมารอทำข่าวจำนวนมาก
ด้าน พ.ต.อ.ฉัตรชัย เรียนเมฆ รองผู้บังคับการศูนย์สืบสวนนครบาล เปิดเผยหลังเข้าพูดคุยกับ น้องมินท์ ว่า ก็มาพูดคุยกันตามปกติส่วนใหญ่ แต่ยังไม่ได้ซักถามอะไรแต่จะให้เด็กเป็นฝ่ายพูดไปเองเนื่องจากเด็กยังอยู่ในสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ เนื่องจากผ่านเหตุการณ์ที่หนักมาก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เราๆผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ยังไม่เคยเจอกันแน่นอน เลยไม่อยากซักถามเรื่องคดี คงให้สภาพจิตใจดีขึ้นก่อน ส่วนเรื่องญาติที่เด็กอยากพบนั้นก็มีติดต่อเข้ามาเหมือนกันประมาณ 2-3 ราย ก็คงยังไม่อนุญาติให้เยี่ยมแต่อย่างใดเพราะตอนนี้ยังไม่แน่ชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร คงต้องมีการคัดกรองก่อน โดยถ้าญาติของน้องมิ้น จะเข้าเยี่ยมอยากให้ติดต่อไปที่ศูนย์สืบสวน ถนนวิภาวดี หรือติดต่อที่สน.ตลิ่งชัน ก่อน
ต่อข้อถามว่าจากการพูดคุยกับเด็กมีความขัดแย้งกับคำให้การของผู้ต้องหาหรือไม่ พ.ต.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า โดยรวมก็ไปในแนวทางเดียวกัน แต่ก็มีบางจุดที่ขัดกันแต่ก็อย่างที่บอกว่ายังไม่อยากคาดคั้นเด็ก แต่เท่าที่ดูก็มีบางจุดขัดกันอยู่ อย่างบาดแผลเด็กที่ถูกหั่นศพ มีถึง 4 แผล แต่ผู้ต้องหาให้การว่าเป็นการยิงมั่วๆ โดนลูกหลง แต่โดยตั้ง 4 นั้น แล้วบอกไม่ได้ตั้งใจ คงเป็นไปได้อยาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังไม่อยากให้คิดกันไปก่อน เพราะยังไงถ้าเด็กอาการดีขึ้นก็จะกระจ่างขึ้นเรื่อยๆและเป็นเรื่องที่ถูกต้องแน่นอน