ข่าว

ตามรอยพระบาท "พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า"

ตามรอยพระบาท "พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า"

15 ต.ค. 2552

ตลอดระยะเวลาอันยาวนานแห่งพระชนม์ชีพ สมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงอุทิศพระวรกาย พระสติปัญญา และพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นจำนวนมากในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพสกนิกรชาวไทย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเกล้าฯ ให้มูล

 เพียงย่างก้าวเข้าสู่วังสระปทุม พระตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ตั้งแต่ พ.ศ. 2459 ตราบจนเสด็จสวรรคต ความร่มรื่นของพันธุ์ไม้นานาพันธุ์ก็ส่งผลให้จิตใจเบิกบาน สงบและร่มเย็น เริ่มแรกกับการทำความรู้จักในพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าผ่านนิทรรศการที่จัดแสดงไว้อย่างสวยงามและบอกเล่ารายละเอียดในทุกแง่มุมที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยเฉพาะพระราชกรณียกิจทั้งด้านการแพทย์  ด้านการศึกษา ด้านพระศาสนา ด้านประชาสงเคราะห์ และด้านการต่างประเทศ

 และยิ่งสร้างความตื่นเต้นมากขึ้น เมื่อได้สัมผัสและร่วมรับรู้ในพระจริยวัตรส่วนพระองค์ ณ พระตำหนักใหญ่ ซึ่งเป็นพระตำหนักที่ประทับที่เล่ากันว่าสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงคิดผังพระตำหนักด้วยพระองค์เอง ทรงใช้ไม้ขีดไฟบ้าง หางพลูบ้าง ทำเป็นผัง แล้วจึงทรงให้สถาปนิกออกแบบถวายตามพระราชประสงค์ คาดว่าพระตำหนักใหญ่น่าจะสร้างแล้วเสร็จในช่วง พ.ศ. 2457-2458

 การจัดแสดงพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ณ พระตำหนักใหญ่ วังสระปทุม เพียงเดินขึ้นพระตำหนักกับห้องแรกที่เจ้าหน้าที่เปิดไว้ ก็สร้างความตื่นเต้นกับจดหมายส่วนพระองค์ ที่ทั้งพระธิดาและพระโอรสทรงเขียนถึงพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในโอกาสที่ทรงประทับเรียนพระอักษรอยู่ต่างประเทศ หรือทรงใช้ชีวิตในต่างแดน จดหมายแต่ละฉบับเป็นลายพระหัตถ์ส่วนพระองค์ที่ทรงพระอักษรบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ทั้งเรื่องส่วนพระองค์ เรื่องการทรงงาน แม้กระทั่งเรื่องความรัก โดยเฉพาะจดหมายของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก) ทรงพระอักษรเล่าเรื่องราวของความรักที่ทรงมีต่อ นางสาวสังวาลย์ ตะละภัฎ (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี) ให้สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าอย่างละเอียด

 รวมทั้งยังเปิดห้องต่างๆ ซึ่งต่างก็เป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ อย่างห้องพิธีและห้องรับแขก ที่เป็นห้องที่ได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ กับ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาพระราชทานน้ำสังข์ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2463

 พร้อมกันนี้ยังจัดแสดงเครื่องใช้ส่วนพระองค์ในช่วงที่สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ ทรงเสกสมรสแล้วและมีพระราชธิดาหนึ่งพระองค์ ทรงพาครอบครัวเสด็จฯ กลับจากประเทศอังกฤษ และมาประทับอยู่ที่วังสระปทุมอีกวาระหนึ่ง การจัดสิ่งของเครื่องใช้ในห้องแสดงคือในห้องเทาและห้องทรงพระอักษร

 นอกจากนี้ยังจัดแสดงให้เห็นภาพในห้องทรงพระสำราญ ห้องทรงนมัสการ และห้องพระบรรทม เป็นช่วงเวลาที่สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ ทรงมีพระราชโอรสเพิ่มขึ้นอีก 2 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน และเสด็จกลับจากทรงศึกษาวิชาการแพทย์จากสหรัฐอเมริกาพร้อมครอบครัว

 ที่สำคัญยังมีบริเวณ "เฉลียงพระตำหนักใหญ่ชั้นบน" ที่ในช่วงปลายพระชนม์ชีพ สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า โปรดที่จะประทับตรงเฉลียงชั้นบนหน้าห้องพระบรรทม ซึ่งปัจจุบันจัดเป็นห้องทรงนมัสการเมื่อทรงตื่นบรรทมแล้วจะเสด็จออกมาประทับตลอดทั้งวัน เสวยพระกระยาหาร ณ ที่นี่ด้วย พร้อมกันนี้ บริเวณนี้ยังมีความสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทยอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธี ซึ่งเป็นพระราชกรณียกิจสำคัญสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพ คือ ทรงเป็นประธานในพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

 และในปีนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้เปิดพิพิธภัณฑ์ฯ ให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชม โดยกำหนดเปิดให้เข้าชมในวันที่ 19 ตุลาคม-19 ธันวาคม ทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มขอเข้าชมได้ที่เว็บไซต์ http://www.queensavang.org หรือติดต่อนัดหมายและขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2251-3999 ต่อ 201-202 พร้อมกันนี้ยังมีร้านจำหน่ายอาหารว่างและของที่ระลึก และในวันเสาร์ยังมีกิจกรรมฝึกอบรมการทำอาหารและงานฝีมือ ทัศนศึกษาและอื่นๆ ด้วย