ข่าว

สาบานตนแล้ว "มหาธีร์"นายกฯมาเลเซียคนใหม่อย่างเป็นทางการ  

สาบานตนแล้ว "มหาธีร์"นายกฯมาเลเซียคนใหม่อย่างเป็นทางการ  

10 พ.ค. 2561

ประวัติศาสตร์การเมืองอีกหน้าที่ต้องจดจำ มาเลเซียได้ผู้นำอายุมากที่สุดในโลก เป็นคนที่เคยกุมอำนาจ 22 ปี ลาเก้าอี้ 15 ปีก่อนกลับมาใหม่ในวัย 92

 

                             ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด  สาบานตนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 7 อย่างเป็นทางการหน้าพระพักตร์สมเด็จพระราชาธิบดีโมฮัมหมัดที่ 5 แห่งรัฐกลันตัน ที่พระราชวัง อิสตานา เนการา เมื่อเวลา 21.57 น. วันนี้ ตรงกับ 20.57 น. ตามเวลาประเทศไทย

 

                   

                            ดร.มหาธีร์ ได้รับอำนาจจัดตั้งรัฐบาล ในฐานะประธานปากาตัน ฮาราปัน (พีเอช) แนวร่วมพรรคการเมืองที่กวาดที่นั่งรวมกัน 113 ที่นั่งจากทั้งหมด 222 ที่นั่ง  มีชัยเหนือพรรคร่วมรัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค และยังได้รับคำมั่นสนับสนุนจากพรรคอื่นอีกจำนวนหนึ่ง

                            การรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเท่ากับว่า ดร.มหาธีร์กลายเป็นนายกรัฐมนตรีอายุมากที่สุดในโลก เป็นคนแรกที่กลับมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย 2 ครั้งแบบทิ้งช่วงไป และเป็นผู้นำที่ครองสถิติปกครองประเทศมาเลเซียยาวนานที่สุดในประวัตศาสตร์ก่อนหน้านี้อีกด้วย                      

         

  

( เตรียมตัวสาบานตน) 


                        ดร.มหาธีร์ เรียนจบแพทย์ เป็นลูกคนเล็กจากจำนวนพี่น้องทั้งหมด 9 คน เติบโตในย่านคนจนทางภาคเหนือของมาเลเซีย เขาเริ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1950 ยุคที่ยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ก่อนจะลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และได้รับเลือกตั้งปี 2507 ก่อนเข้าร่วมในคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2517 และก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปี 2524

               

                       เป็นที่รู้จักในฐานะ "ผู้สร้างมาเลเซียให้ทันสมัย" เปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมให้เป็นประเทศเศรษฐกิจ ตลอดระยะเวลา 22 ปี ที่ปกครองประเทศ ก่อนก้าวลงจากตำแหน่งในปี 2546

                         เขาสนับสนุนนายนาจิบ ราซัค ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2552 และยังสนับสนุนเขาอีกตอนที่เลือกตั้งเมื่อปี 2556 ก่อนจะกลับลำวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนตอนที่เกิดเรื่องอื้อฉาวทุจริตกองทุน 1MDB และสร้างความมัวหมองให้นายนาจิบ

                         ปี 2559 เขาหวนคืนการเมืองอย่างเป็นทางการ ด้วยการก่อตั้งพรรคสหประชาชนมาเลย์ หรือ PPBM ร่วมกับนายมูยิดดิน ยัสซิน อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ถูกปลดเพราะวิพากษ์วิจารณ์นายนาจิบอย่างเปิดเผยเรื่องกองทุน 1MDB และความพลิกผันที่ไม่คาดคิดอีกประการหนึ่งคือ การที่เขาหันไปญาติดีกับนายอันวาร์ อิบราฮิม อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลัง ที่ถูกเขาปลดเมื่อ 20 ปีก่อน และกลายมาเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ของฝ่ายค้าน ที่ต้องโทษจำคุกในคดีรับสินบนและวิปริตทางเพศที่นายอันวาร์ยืนยันว่า เป็นเล่ห์กลในการเขี่ยเขาให้พ้นเส้นทางการเมือง

 

 

 

                            นายอันวาร์ ต้องโทษจำคุกอีกเมื่อปี 2558 ในข้อหาวิปริตทางเพศ ที่เชื่อว่า เป็นความพยายามสกัดดาวรุ่ง หลังฝ่ายค้านประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งถึง 2 ครั้ง อันวาร์มีกำหนดจะได้รับอิสรภาพในเดือนมิถุนายนนี้ 


                            ดร.มหาธีร์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า ตัวเขาคือ "ผู้อยู่รอด" ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานหลายสิบปีที่สามารถทำให้ชาวมาเลย์เป็นปึกแผ่นได้

                            ขณะนักวิจารณ์ ระบุว่า ต้องเสียสละประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน เพื่อสังเวยให้ความเจริญรุดหน้าด้านอุตสาหกรรมภายใต้การกุมบังเหียนของมหาธีร์ ทั้งยังโอบอุ้มพวกพ้อง, จำคุกฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และปิดสื่อที่วิพากษ์วิจารณ์เขา แต่กลับโจมตีนายนาจิบที่ใช้วิธีการเดียวกัน

                             ด้วยวัย 92 และผ่านการผ่าตัดบายพาสส์หัวใจมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังเดินสายพูดหลายที่ในวันเดียว ตามจุดชุมนุมต่างๆทั่วประเทศ การหวนคืนการเมืองครั้งนี้ นักวิเคราะห์ต่างเป็นห่วงสุขภาพและวัยของเขาในการบริหารประเทศ แม้จะมีการทำข้อตกลงกับนายอันวาร์ ที่จะทำให้เขาเป็น "ผู้นำในช่วงเปลี่ยนผ่าน" ก็ตาม