
"หมอบอนด์"ยันคลิปเผยแพร่แค่ช่วยเมียขายของไม่มีค่าจ้าง-สัญญา
"หมอบอนด์-ภรรยา" เข้าพบ "วิระชัย" ยันคลิปเผยแพร่แค่ช่วยเมียขายของไม่ใช่รีวิวสินค้าไม่มีค่าจ้าง-สัญญา ด้าน รองผบ.ตร.ออกหมายเรียกอีก7บุคคลสำคัญเอี่ยวผลิต-จำหน่าย
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 นายแพทย์ปิยะพงษ์ โหวิไลลักษ์ หรือ “หมอบอนด์” อายุ 31 ปี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม น.ส.ปวีณา นามสงคราม หรือ “น้ำผึ้ง take me out” สองสามีภรรยาเดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร.และโฆษก ตร. เพื่อให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวน หลังถูกออกหมายเรียกกรณีรีวิวผลิตภัณฑ์น้ำชงคลีโอ สินค้าบริษัท เมจิกสกิน อาหารเสริมไม่ได้คุณภาพ อย.ปลอม
นายแพทย์ปิยะพงษ์ หรือ “หมอบอนด์” กล่าวว่า คลิปวิดีโอที่เผยแพร่ออกไป ยืนยันไม่ใช่เป็นการรีวิวสินค้า โดยวันนั้นตนไปงานรับปริญญาน้องสาวของแฟน และนายกสิทธิ์ วรชิงตัน หรือ “หญิงย้วย” 1ใน 8 ผู้ต้องหา ได้ชวนมาไลฟ์สด ตอนนั้นไม่ได้คิดจะรีวิว ไม่ได้คิดอะไร เขาให้ช่วยไลฟ์สดก็ไลฟ์ เพียงแค่ต้องการขายของช่วยภรรยาเท่านั้น ยืนยันไม่มีเจตนา ไม่มีค่าจ้าง ไม่มีสัญญา สามารถตรวจสอบได้ ส่วนการนำเสื้อกาวน์มาใส่ไลฟ์สดเพราะปกติมีเสื้อไว้ในรถอยู่แล้ว และไม่ได้คิดอะไร ไม่รู้ว่าจะผิดจรรยาบรรณด้วย
ด้าน น.ส.ปวีณา หรือ “น้ำผึ้ง” กล่าวยอมรับว่าตนเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า เป็นตัวแทนไม่ถึงเดือนก็มีข่าวว่าสินค้ามีปัญหา ตนเองก็เสียเงินซื้อผลิตภัณฑ์มาขายต่อกว่า 3 แสนบาท ยืนยันไม่ได้ใช้ตำแหน่งสามีมาเป็นเครื่องมือในการเพิ่มยอดขาย พวกเราถือว่าเป็นผู้เสียหายเช่นกัน ก่อนเป็นตัวแทนและรีวิวมีการเช็ก อย.ก่อน ลองรับประทานก่อน ในช่วงหนึ่งสัปดาห์น้ำหนักลดลง 1 กิโลกรัม ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ หลังเกิดเหตุไม่สามารถติดต่อเจ้าของได้เลย ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตนเสียชื่อเสียง วอนสื่อมวลชนนำสื่ออย่างถูกต้อง ตรงไปตรงมา ส่วนจะมีการฟ้องร้องแจ้งความกลับ บริษัท เมจิกสกิน หรือไม่นั้นขอพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน รองผบ.ตร. กล่าวว่า ในกรณีของหมอบอนด์และภรรยา ถือว่ามีความพิเศษเช่นเดียวกับกลุ่มดารานักแสดง เพราะเป็นบุคคลที่ทำงานอยู่ในแวดวงด้านสุขภาพมีหน้าที่โดยตรงในการช่วยเหลือแนะนำและให้ข้อมูลต่างๆ อย่างไรก็ตาม คนดังแต่ละคนจะตกเป็นผู้ต้องหาในข้อหาใดหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับผลการตรวจพิสูจน์ทางเคมีของผลิตภัณฑ์นั้นๆ หากผลปรากฏว่าเป็นสารชนิดอื่นซึ่งไม่ตรงกับที่นักแสดงรีวิวหรือเป็นสารที่มีอันตรายจะมีการตั้งข้อหาที่แตกต่างกันออกไปตามพฤติการณ์ที่แต่ละคนให้ถ้อยคำไว้ ในส่วนของข้อกฎหมายนั้นยังคงใช้มาตรฐานเดียวกันกับกลุ่มดารานักแสดงโดยจะอ้างอิงตามกฎหมายหลัก 3 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาสินค้าประเภทอาหารและยา ได้แก่ 1.พ.ร.บ. เครื่องสำอางพ.ศ. 2558 2.พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 และ3.พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
รองผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ในวันที่ 12 พ.ค. พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก 7 บุคคลสำคัญ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในเครือของบริษัทเมจิกสกินมาให้ถ้อยคำกับตำรวจในฐานะพยาน ประกอบด้วย 1.ว่าที่ร้อยตรี ปวีร์ ปานดำรงสถิต 2.นางสาวทิพวรรณ ตันไชย 3.นางสาวสุนีย์ กรมสูงเนิน 4.นายอภิวัส พงศ์พัฒนะกูล 5.นายณัฐนันท์ อ่วมแก้ว 6.นายกฤษณผล พินจอหอ 7.นางสาวสิริญาณี ฤทธิ์ดีสิริธร โดยทั้ง 7 รายนี้ไม่ใช่นักแสดง ดารา เป็นคนละส่วนกับ 59 คนที่จะต้องออกหมายเรียก ยืนยันมีความจำเป็นที่จะต้องออกหมายเรียกให้ครบทั้งหมดเพื่อความสมบูรณ์ของสำนวน
“ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ 8 ผู้ต้องหา ที่ศาลตามหมายจับในเครือของบริษัทเมจิกสกิน นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวได้ครบทั้งหมดแล้ว บางรายได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน บางรายได้รับการประกันตัวในชั้นศาล อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเข้มข้นตรวจสอบผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อใดก็ตาม ถ้าหากพบว่าไม่มี อย. ไม่มีคุณภาพ เจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการทุกผลิตภัณฑ์ ทุกราย ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ของดาราหรือไม่ก็ตาม" พล.ต.อ.วิระชัย ระบุ