รวบ!! หนุ่มลอบขายเสื้อฟุตบอลทีมดังละเมิดลิขสิทธิ์ | คมชัดลึก

 

               ตำรวจ สน.จักรวรรดิ์ บุกรวบพ่อค้าหนุ่มลอบขายเสื้อฟุตบอลสโมสรและทีมชาติต่างประเทศละเมิดลิขสิทธิ์ ยึดของกลางกว่า 4 พันตัว มูลค่า 30 ล้านบาท สารภาพรับสินค้าจากจีน ทำมาแล้วนาน 1 ปี

 

 

 

 

               เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 25 เม.ย.61 ที่ สน.จักรวรรดิ์ พล.ต.ต.ดุสิต สมศักดิ์ ผบก.น.6 พร้อมด้วย พ.ต.อ.โชคชัย คณะเจริญ ผกก.สน.จักรวรรดิ์ พ.ต.ท.นพรุจ จิตต์ชื่น รอง ผกก.สส.สน.จักรวรรดิ์ พ.ต.ท.พงศ์ดนัย วิมุกติบุตร รอง ผกก.ป.สน.จักรวรรดิ์ พ.ต.ท.สมหมาย ธนะเจริญขวัญ สวป.สน.จักรวรรดิ์ ฝ่ายสืบสวน สน.จักรวรรดิ์ พ.ต.ท.ไอยรา อากาศวิภาต สวป.สน.คันนายาว และเจ้าหน้าที่กอ.รมน.กทม. ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายกัมปนาท ประเสริฐสุข อายุ 25 ปี

 

               พร้อมของกลาง เสื้อฟุตบอลสโมสรและทีมชาติต่างประเทศละเมิดลิขสิทธิ์ ยี่ห้อไนกี้และพูม่า ประมาณ 3,932 ตัว และคอมพิวเตอร์ 1 ชุด มูลค่าความเสียหายประมาณ 30 ล้านบาท โดยสามารถจับกุมตัวได้ภายในบ้านพักเลขที่ 680/1 ถนนทรงวาด แขวงจักรวรรดิ์ เขตสัมพันธ์วงศ์ กทม.

 

 

 

 

               พล.ต.ต.ดุสิต กล่าวว่า สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม สืบทราบว่า นายกัมปนาท เปิดเฟซบุ๊กส่วนตัว ลักลอบจำหน่ายชุดกีฬาที่ปลอมเครื่องหมายการค้าเป็นจำนวนมาก จึงรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมทั้งยื่นคำร้องหมายค้นต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

 

 

 

               จากนั้นศาลได้อนุมัติออกหมายค้นที่ 326/2561 ลงวันที่ 25 เม.ย.61 เพื่อทำการตรวจค้น จนกระทั่งพบตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางดังกล่าว จึงควบคุมตัวพร้อมทั้งตรวจยึดของกลางทั้งหมดมาสืบสวนเพิ่มเติม

 

 

 

 

               นายกัมปนาท รับสารภาพว่า ลักลอบจำหน่ายสินค้ามานานกว่า 1 ปี โดยรับสินค้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน (จีน) ซึ่งเป็นสินค้าเกรดเอเท่านั้น ก่อนนำมาเก็บไว้ที่บ้านพักเพื่อรอจำหน่ายให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อผ่านทางเฟซบุ๊กอีกทอดหนึ่ง โดยจำหน่ายสินค้าต่อชิ้นในราคาประมาณ 500 บาท จนกระทั่งมาถูกทางเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมได้ดังกล่าว

 

 

 

 

               เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “จำหน่าย เสนอจำหน่าย มีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้า ที่ปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นที่จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร” ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป