อย.ขู่ฟันดารา ! รีวิว-โฆษณา"เมจิกสกิน"เข้าข่ายผิด | คมชัดลึก

     กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้บุกเข้าทลายบริษัท เมจิกสกิน จำกัด และเครือข่ายขายเครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาลดน้ำหนัก ที่ติดเครื่องหมายการค้าผิดประเภท ผลิตภัณฑ์ไม่ได้คุณภาพ และปลอม อย. โดยมีผู้ต้องหาตามหมายจับ ทั้งหมด 8 ราย คือ 1.นางวรรณภา พวงสน หัวหน้าทีม 2.นายกร พวงสน ทำหน้าที่ดูแลการเงิน 3.นายกสิทธิ์ วรชิงตัน หรือหญิงย้วย 4.นายไมยสิทธิ์ สว่างธรรมรัตน์ ทำหน้าที่จัดโรงเรียนสอนรวย 5.นายพิร์นิธิ ติรณวัตถุภรณ์ ทำหน้าที่เป็นผู้ว่ากลยุทธ์ 6.น.ส.ธนัญพรรธน์ บุญโญสิทธิ์ 7.น.ส.ตรีชฎา ใจสบาย และ 8.น.ส.มธุรส แดงสัมฤทธิ์ ทำหน้าที่ผู้สั่งผลิตและเป็นเจ้าหน้าที่ยี่ห้อสินค้า โดยสามารถควบคุมตัวได้แล้ว 6 ราย อีก 2 ราย คือ น.ส.ธนัญพรรน์ และ น.ส.มธุรส อยู่ระหว่างติดตามตัว ทั้งนี้บริษัทเมจิกสกินได้ผลิตสินค้าหลายยี่ห้อ ได้แก่ apple slim, slim milk, snow milk, Fern, เมจิก สกิน, ชิโนบิ, ตรีชฎา และ Mezzo เป็นต้น นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมเรียกตัวกลุ่มดารานักแสดงและเน็ตไอดอลจำนวนหลายสิบคนที่เป็นพรีเซ็นเตอร์และรีวิวโฆษณาสินค้าเมจิกสกินเข้าสอบสวนและอาจเข้าข่ายมีความผิดด้วยตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

     ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 เมษายน ความคืบหน้าคดีดังกล่าว มีรายงานแจ้งว่าพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ได้สอบปากคำผู้เสียหายที่ทยอยเดินทางเข้ามาร้องเรียนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งทำการสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มติม โดยช่วงบ่ายนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เนื่องจากครบกำหนดการควบคุมตัว 48 ชั่วโมง สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวอยู่นั้น ประกอบด้วย นางวรรณภา พวงสน อายุ 34 ปี หัวหน้าทีม, นายกร พวงสน อายุ 37 ปี ทำหน้าที่ดูแลการเงิน และนายกสิทธิ์ วรชิงตัน หรือหญิงย้วย โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คนตลอด 2 วันมีอาการปกติไม่ได้มีท่าทีเครียดแต่อย่างใด ส่วนนายพิร์นิธิ ติรณวัตถุภรณ์ ทำหน้าที่วางกลยุทธ์ ทางตำรวจได้เบิกตัวไปสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม ส่วนผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมอีก 2 ราย คือ นายไมยสิทธิ์ สว่างธรรมรัตน์ และน.ส.ตรีชฎา ใจสบาย ได้รับการประกันตัวออกไปแล้ว

 

     ขณะเดียวกันของกลางที่ตรวจยึดได้และนำไว้ที่กองปราบปราม ประกอบด้วย รถหรูยี่ห้อปอร์เช่ สีเหลือง และรถยนต์ยี่ห้อจากัวร์ สีดำ ป้ายแดง ซึ่งยังมีแม่ข่ายทีมที่เป็นหนึ่งในสมาชิกขายตรงได้เดินทางมาที่ห้องควบคุมผู้ต้องหาเพื่อดูสถานการณ์ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น

     ด้านพล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีดารานักแสดงเข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์รีวิวิผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของเมจิกสกินที่ผิดกฎหมายว่า คดีนี้จะมีการเรียกดาราและเน็ตไอดอล จำนวน 56 คน มาดำเนินการสอบสวน หากมีพฤติการเข้าข่ายก็จะต้องถูกดำเนินคดีไปด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้เนื่องจากต้องรอให้สอบสวนก่อน ทั้งนี้อยากจะฝากเตือนดาราและผู้ที่มีชื่อเสียงหากจะรีวิวสินค้าควรตรวจรายละเอียดต่างๆให้ดีว่าสินค้าดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ 

     พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า ได้สอบปากคำนายกสิทธิ์ หรือหญิงย้วย ว่ามีการกระทำความผิดอย่างไรบ้างและมีใครเกี่ยวข้องบ้าง สำหรับสาเหตุที่ให้ประกันตัวนั้นเพราะหญิงย้วยต้องการให้ข้อมูลในรายละเอียดของเครือข่ายนี้ทั้งหมด ซึ่งเป็นข้อมูลอันเป็นประโยชน์และเชื่อได้ว่ามีกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องมากกว่า 8 รายซึ่งอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานในการออกหมายจับต่อไปสำหรับแม่ทีมจะต้องดูพฤติการณ์ว่าเข้าองค์ประกอบในข้อหาใดบ้าง ขณะนี้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ไม่ว่าจะเป็น อย. และสคบ. อย่างไรก็ตามเครื่องสำอางที่ไม่มีเลขอย. และนำเลขที่ไม่ตรงมาติดก็ถือว่ามีความผิด และการจดแจ้งสถานที่ผลิตก็ไม่มีอยู่จริง ทั้งนี้ บริษัท เมจิก สกิน จำกัด ไม่มีเอกสารโรงงานในการผลิตเครื่องสำอางซึ่งถือมีความผิดดังนั้นได้แจ้งข้อหาพ.ร.บ.ยา การฉ้อโกงประชาชน และการนำเข้าข้อมูลที่เป็นอันตรายต่อประชาชนนอกจากนี้จะวิเคราะห์ว่าดาราและเน็ตไอดอลทั้ง 56 คน มีคนใดบ้างที่จะต้องออกหมายเรียกที่รับรีวิวสินค้าภายในวันที่ 24 เมษายนนี้

     ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พ.ต.ท.ชนินทร ง่วนสน พนักงานสอบสวน กก.1 กองบังคับการปราบปราม คุมตัวสองผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน บริษัท เมจิก สกิน จำกัด คือ นางวรรณภา พวงสน อายุ 34 ปี หัวหน้าทีมและเจ้าของบริษัท และนายกร พวงสน อายุ 37 ปี ผู้ดูแลการเงิน โดยทั้งสองเป็นสามีภรรยา ชาว จ.นครราชสีมา ตามหมายจับที่ 759/2561 และ 757/2561 ของศาลอาญาลงวันที่ 11 เมษายน 2561 ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกต่อศาลเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน–4 พฤษภาคม เนื่องจากสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องสอบพยานบุคคลและผู้เสียหายอีกไม่น้อยกว่า 30 ปาก รอผลตรวจสอบประวัติลายพิมพ์นิ้วมือจากกองทะเบียนประวัติอาชญากรและรอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานจนเป็นอุปสรรคหรือก่อความเสียหายต่อการสอบสวนและหลบหนี

     ทั้งนี้คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2560–20 กุมภาพันธ์ 2561 นางวรรณภา ผู้ต้องหา ได้โพสต์ข้อความโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าของ บริษัท เมจิก สกิน จำกัด ที่ผลิตเครื่องสำอางและอาหารเสริมประเภทต่างๆ โดยอ้างว่าผลิตภัณฑ์ได้ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) มีส่วนผสมที่มาจากผลิตภัณฑ์ชั้นดีมีคุณภาพ ใช้แล้วเกิดผลในช่วงระยะเวลาอันสั้น และไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย นอกจากนี้ยังมีการประกาศหาตัวแทนขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจำนวนมาก อ้างว่าผลิตภัณฑ์ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายและมีประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่งสามารถสร้างรายได้ให้แก่ตัวแทนได้เป็นอย่างดี มีการนำดารานักแสดงมาโฆษณา จนมีกลุ่มผู้เสียหายจำนวนมากหลงเชื่อและเข้าไปเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์สบู่เมสโซ่ (Mezzo Soup), เซรั่มเมสโซ่ (Mezzo Serum), วิตามินชิโนบิ (Fern Vitamini) และอาหารเสริมแบบน้ำชงผอมคลีโอ (Cleo) โดยมีผู้ต้องหากับพวกร่วมกันโฆษณาชักชวนประชาชนมาเป็นตัวแทนจำหน่าย 

     ต่อมาวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้เข้าทำการตรวจค้นจับกุมโรงงานผลิตสินค้าดังกล่าว ออกประกาศว่าเป็นสินค้าที่แสดงฉลากไม่ถูกต้องไม่ผ่านการตรวจรับรองจากอย.แต่อย่างใด ทำให้กลุ่มผู้เสียหายไม่สามารถนำสินค้าออกจำหน่ายได้ เมื่อขอคืนสินค้าทางบริษัทก็ไม่รับคืนและไม่คืนเงินให้ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 5 ล้านบาท การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ประกอบ มาตรา 83 ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขัง

     ด้านนายกิจจา อาลีอิสเฮาะ ทนายความของผู้ต้องหาทั้งสอง ได้ยื่นหลักทรัพย์ 1 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราว นางวรรณภา และ 500,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราวนายกร โดยศาลอยู่ระหว่างการพิจารณา 

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ต้องหาถูกออกหมายจับทั้งหมด 8 ราย โดยมีผู้ต้องหาที่เข้ามอบตัวตามหมายจับและได้รับการปล่อยชั่วคราวในชั้นพนักงานสอบสวน 3 ราย คือ นายไมยสิทธิ์ นายพิร์นิธิ ติรณวัตถุภรณ์ และน.ส.ตรีชฎา

     ด้านนายกิจจา อาลีอิสเฮาะ ทนายความของผู้ต้องหา กล่าวว่า จากการพูดคุยกับผู้ต้องหายังคงสงสัยในข้อหาฉ้อโกงประชาชนที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายได้อย่างไรเพราะทำธุรกิจเป็นการซื้อขายขาด ทั้งนี้จุดที่ทำให้เป็นคดีความเกิดขึ้นเนื่องจากข้อเท็จจริงของผลิตภัณฑ์ในเครือเมจิกสกินมีสลากหลังกล่องที่ระบุที่อยู่การผลิตไม่ตรงกับโรงงานที่ผลิตจริง อย่างไรก็ตามคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)มีคำสั่งมาก่อนหน้านี้ว่าส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ไม่ได้มีสารอันตรายและสั่งให้ดำเนินการแก้ไขแล้วแต่ก็มาถูกดำเนินคดีหลังมีการโพสต์บนเพจเฟซบุ๊กเชื่อว่าน่าจะเป็นการกลั่นแกล้งกันทางธุรกิจที่มีผลประโยชน์ขัดแย้งกันและหลังจากนี้จะเตรียมแจ้งความกลับผู้ที่ทำให้ได้รับความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียงด้วยโดยมั่นใจในตัวของลูกความเพราะที่ผ่านมาตนก็ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนหากลูกความทำผิดจริงคงไม่เข้ามารับทำคดีนี้

     ต่อมาศาลอาญาได้พิจารณามีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสอง โดยตีราคาประกันคนละ 500,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกปะเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

     อย่างไรก็ตาม นายกิจจา อาลีอิสเฮาะ ทนายความของผู้ต้องหาทั้งสอง เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 16.30 น. พนักงานสอบสวนยังได้ยื่นคำร้องฝากขังเพิ่มเติมในส่วนของนางวรรณภา อีก 4 สำนวน ในความผิดเดียวกันฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน แต่แยกพฤติการณ์ของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มบริษัท ขณะที่ในส่วนของนายกร สามี ก็ยื่นคำร้องฝากขังเพิ่มเติมอีก 1 สำนวนเช่นกัน โดยตนได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดประกันตัวในส่วนของนางวรรณภา อีก 4 สำนวนที่เพิ่มใหม่ สำนวนละ 500,000 บาท รวม 2 ล้านบาท และของนายกร อีก 500,000 บาท ซึ่งศาลกำลังพิจารณา แต่เชื่อว่าเมื่อศาลอนุญาตปล่อยชั่วคราวในสำนวนแรกแล้ว สำนวนอื่นก็ไม่น่าจะมีปัญหา

     ล่าสุดเวลา 18.40 น. ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสองในสำนวนใหม่อีก 5 สำนวน โดยตีราคาประกันคนละ 500,000 บาทในแต่ละสำนวน พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกปะเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

     

     วันเดียวกัน เภสัชกรสมชาย ปรีชาทวีกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยถึงการเอาผิดกับบริษัทเมจิก สกิน จำกัด ว่าจากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่โรงงานผลิตใน จ.นครราชสีมา กรณีผลิตภัณฑ์ของบริษัท และของนางวรรณภา พวงสน ผู้ต้องหา ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบสารประกอบในผลิตภัณฑ์ ซึ่งพยามเร่งรัดทางเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบ แต่ขณะนี้ความผิดที่ชัดเจนคือพบว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางภายใต้ผู้จดแจ้ง นางวรรณภา พวงสน ที่มีจำนวน 227 รายการ จากการตรวจสอบสถานที่ผลิตตามที่ได้จดแจ้ง พบว่าไม่มีเครื่องมือการผลิตรวมถึงเครื่องมือเครื่องจักร อุปกรณ์ สารเคมี และบรรจุภัณฑ์จึงเป็นเครื่องสำอางที่ผลิตไม่ตรงตามที่จดแจ้งไว้ ส่วนเครื่องสำอางอีก 39 รายการ ที่จดแจ้งภายใต้ชื่อบริษัทเมจิก สกิน จำกัด ก็พบว่าผลิตไม่ตรงกับที่จดแจ้งไว้ด้วยเช่นกัน จึงถือว่าผู้จัดแจ้งกระทำผิดกฎหมาย

      ต่อข้อถามกรณีทนายความของบริษัทระบุว่าอย.เคยออกหนังสือให้บริษัทแก้ไขสถานที่ผลิตให้ตรงกับที่จดแจ้งรวมถึงที่ระบุว่าไม่พบสารอันตรายนั้น เภสัชกรสมชาย ยืนยันว่า ไม่เคยมีการออกเอกสารแต่อย่างใด และที่ผ่านมายังไม่เคยพบการขอให้ทางอย.ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ในเครือของบริษัทดังกล่าว โดยยอมรับว่าปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่โฆษณาผ่านสื่อต่างๆจำนวนมาก เมื่องเทียบเจ้าหน้าที่ที่คอยดฝ้าระวังจึงไม่เพียงพอแต่หากพบผลิตภัณฑ์ใดเข้าข่ายชัดเจนก็สามมารถตรวจสอบและดำเนินการได้ทันที

     “สำหรับการที่ศิลปินดารา เน็ตไอดอล รับรีวิวสินค้า แม้จะอ้างว่าไม่ทราบว่ามีเลข อย.หรือไม่ หรือเลข อย.ถูกต้องหรือไม่ อย่างไรก็อาจเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับการโฆษณาเครื่องสำอาง มีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง อย.เคยทำหนังสือแจ้งไปยังสื่อโทรทัศน์ และสื่อต่างๆ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ในการโฆษณาสินค้าที่อาจเข้าข่ายความผิดได้”เภสัชกรสมชายกล่าว และว่า ขอแนะนำประชาชนให้ตรวจสอบเลข อย.ผ่านทางเว็บไซต์และหลังจากนี้เตรียมพัฒนาระบบการตรวจสอบเลขสาระบบเป็นคิวอาร์โคทเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบของผู้บริโภค

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มดารที่รีวิวและใช้ผลิตภัณฑ์ในเครือข่ายบริษัท เมจิ สกิน คือ “ม้า” อรนภา กฤษฎี นางแบบและพิธีกรชื่อดัง โดย ม้า อรนภา ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ทราบถึงเรื่องราวดังกล่าวมาก่อนและไม่แน่ใจ เพราะเวลารีวิวสินค้าอะไรพวกนี้ก็จะทิ้งไว้ประมาณอาทิตย์เดียวแล้วก็ลบไปจะมีผ่านมาแล้วก็ผ่านไปถามว่าจำได้ไหมก็จำแทบไม่ได้ อีกอันหนึ่งทำรายการเกี่ยวกับเรื่องความงามจะมีสินค้าเหล่านี้เข้ามาโฆษณาในรายการเยอะมาก

     "เราแค่รีวิว ไม่ได้เป็นพรีเซนเตอร์ ในชีวิตเป็นพรีเซนเตอร์อยู่ถ้า 2-3 ปีที่แล้วก็เป็นพรีเซนเตอร์กับน้องน้ำตาล ซึ่งจำไม่ได้แล้ว นั่นคือ 2-3 ปีที่แล้ว และก็มาอันที่เราทำเอง นอกนั้นเราแค่รีวิวเฉยๆ”ม้า อรนภา กล่าว และว่า ถ้าตำรวจเรียกไปสอบก็ไม่รู้ว่าตนจะไปเกี่ยวอะไรด้วย เพราะมีข้อตกลงด้วยคำพูดว่าแค่หนึ่งสัปดาห์แล้วเราก็คือลบออกไป แต่ทางเจ้าของสินค้าจะเอาไปต่อยอดอย่างไรเอาไปใช้ซ้ำ ก็คิดว่าทำบญทำทานไปแล้วกัน ก็ปิดตาข้างหนึ่ง"พิธีกรชื่อดัง กล่าว 

     ม้า อรนภา กล่าวอีกว่า ในส่วนเรื่องการตรวจสอบเราไม่รู้จะตรวจสอบอะไรกับใคร ถ้าอย่างนั้นก็ไม่รับงานเลย มันเป็นหน้าที่ของ อย. แล้วมันเป็นความซื่อสัตย์ของเจ้าของสินค้า ซึ่งเรามี อย.ไว้ทำไม มีไว้เพื่อที่จะทำให้เกิดประโยชน์กับประชาชนหรือผู้บริโภค

     ด้าน น.ส.สุทัตตา อุดมศิลป์ หรือ“ปันปัน” นักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง หนึ่งในดาราที่ร่วมรีวิวสินค้าเมจิกสกิน กล่าวว่า ทางเขาติดต่อมาทางผู้จัดการให้เราลงรูปและรีวิวปกติ คือเรารับงานแล้วก็ถ่ายรูปปกติเลย สัญญาที่บอกคือ 15 วันลงครั้งแค่นั้น และด้วยความที่สินค้าตัวนี้เขาเอามาให้แล้วแจ้งเราว่าเป็นสินค้าที่อยู่ในตลาดมาได้สักพักแล้ว ก็เห็นกล่อง อย. เห็นหมายเลขข้างหลัง ด้วยความที่เราเป็นผู้บริโภคปกติ เราไม่ได้มีความรู้ว่า เลข อย. อันนี้ถูกต้องหรือเปล่า 

     “พอมีเหตุการณ์แบบนี้ ก็ตกใจ เพราะเราเชื่อว่าไอจีของเรามีคนตามค่อนข้างเยอะ ต้องขอโทษด้วย ในการไม่ไตร่ตรองสินค้าก่อนโฆษณาออกไป อาจทำให้คนเกิดอันตราย มันผิดที่ทางเราเองที่ไม่ดูให้ดี ส่วนเรื่องที่ว่าเจ้าหน้าที่จะเรียกไปสอบปากคำเรายินดีให้สอบปากคำ ให้ความร่วมมือทุกอย่างเลย อย่างที่บอกไปคือปันทราบแค่ว่าเขาติดต่อมาให้เราลงรูป ซึ่งเราก็ลงรูปตามที่เขาบอกแค่นั้น ตอนนี้ก็มีเจ้าหน้าที่ติดต่อติดต่อผ่านผู้จัดการ แต่ยังไม่มีเรียกเข้าไป”

     ปันปัน กล่าวด้วยว่า ในส่วนของบริษัทดังกล่าวรับมารีวิว 2 ตัวเท่าที่จำได้ จากนี้เชื่อว่าดาราทุกคนต้องของเอกสารรับรองว่าสินค้ามี อย.เรียบร้อย สินค้าเป็นอย่างไร ส่วนผสมเป็นอย่างไร อย่างตัวล่าสุดที่ปันได้มามีเอกสารมาให้หมดเลย แม่ค้าออนไลน์ก็คงระแวงในจุดนี้และต้องทำเอกสารให้เรียบร้อย

     ต่อข้อถามเรื่องที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ ดาราวัยรุ่นชื่อดัง กล่าวว่า เท่าที่มีคอมเม้นท์เข้ามาก็เห็นว่าไม่โอเค ที่ดาราโปรโมทสินค้าเกินจริง และเป็นอันตรายให้กับผู้คน ก็ต้องระวังให้มากขึ้น เพราะสินค้าออนไลน์ในตลาดมีเยอะมากๆ ซึ่งตนก็ไม่อยากให้เกิดอันตรายกับผู้บริโภค 

     "อย่างไรก็ตามจะไม่ฟ้องสินค้านี้ในเรื่องของการทำให้เสียชื่อเสียงแต่แค่อยากบอกว่าเข้าใจว่าการทำธุรกิจคือการที่เราอยากหาเงิน แต่สุดท้ายจรรยาบรรณมันอยู่ที่ตัวคนขาย กฎแห่งกรรมมันมีจริง ถ้าคุณทำอะไรออกไปส่งผลกระทบกับผู้บริโภคก็จะวนเข้าหาตัวคุณเองเพราฉะนั้นอนาคตจะทำอะไรก็ขอให้ไตร่ตรองให้ดี นึกถึงคนอื่นด้วยอย่านึกถึงแต่ตัวเอง ก็อยากให้ตระหนักเรื่องนี้นิดหนึ่ง”น.ส.สุทัตตากล่าว

ฉบับ นสพ.คมชัดลึก