ข่าว

"น้ำหวาน ซาซ่า" พบคู่กรณีโพสต์คุกคาม นานกว่า 6 ปี

"น้ำหวาน ซาซ่า" พบคู่กรณีโพสต์คุกคาม นานกว่า 6 ปี

10 เม.ย. 2561

"น้ำหวาน ซาซ่า" พบคู่กรณีโพสต์คุกคามานานกว่า 6 ปี มีอาการป่วยทางจิต ด้านแม่คู่กรณีจะพาไปรักษา ตร.ระบุหากไม่ทำตามข้อตกลงจะออกหมายจับ

 

            จากกรณี น.ส.พิมรา เจริญภักดี หรือน้ำหวาน ซาซ่า อายุ 34 ปี อดีตนักร้องเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังวงซาซ่า แจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง ให้ดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและสร้างความเดือดร้อนรำคาญ กับชายเจ้าของอินสตราแกรมชื่อ “spiritmhilesvhey” ที่พิมพ์ข้อความด่าหยาบคาย และลามกอนาจารต่อเนื่องนานกว่า 6 ปี

 

\"น้ำหวาน ซาซ่า\" พบคู่กรณีโพสต์คุกคาม นานกว่า 6 ปี

            ที่สน.ดอนเมือง วันที่ 10 เมษายน ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา  น.ส.พิมรา เจริญภักดี น้ำหวาน ซาซ่า อายุ 34 ปี พร้อมด้วย น.ส.พลอย เจริญปุระ อายุ 55 ปี มารดา และผู้จัดการส่วนตัว เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.เทพพิทักษ์ สินสืบ รอง สว.(สอบสวน) สน.ดอนเมือง เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี ภายหลังทราบว่าตำรวจรู้ตัวชายที่พิมพ์ข้อความคุกคามแล้ว โดยวันนี้พนักงานสอบสวนได้เชิญตัวนางนิภา (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี อาชีพค้าขาย มารดาของนายเอ (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ชายที่พิมพ์ข้อความมาสอบปากคำและไกล่เกลี่ยคดี โดยทันทีที่ทั้งสองพบกัน นางนิภาได้ยกมือขอโทษน.ส.พิมรา ถึงเรื่องที่ลูกชายก่อขึ้น

            ภายหลังพูดคุยไกล่เกลี่ยกันนานกว่า 90 นาที น.ส.พิมรา เปิดเผยว่า วันนี้ตนมาตามความคืบหน้าเรื่องที่ตนถูกคุกคาม ซึ่งที่ผ่านมาก็มีอัพเดทเรื่อยๆ เช่นออกหมายเรียกผู้ต้องหา ส่วนวันนี้ทางตำรวจได้เชิญนางนิภา แม่ของผู้ที่พิมพ์ข้อความคุกคามมาพบ ซึ่งความจริงอยากเชิญตัวน้องมา แต่ฝ่ายนั้นบอกท้องเสียมาไม่ได้ จึงเจอกับแม่แทน จากการพูดคุยกัน นางนิภาบอกว่าขอเวลาแก้ปัญหาอีกระยะหนึ่ง ฝ่ายตนจึงขอให้แม่พาน้องไปรักษา ซึ่งอีกฝ่ายก็สัญญากับตนและรับปากตำรวจว่าทำตาม ส่วนตัวรู้สึกเห็นใจอีกฝ่าย ซึ่งแม่ของผู้ต้องหาได้ถามว่าต้องการอะไร ตนตอบกลับไปว่าต้องการให้ไปรักษาเท่านั้น และการรักษาต้องมีสิ่งมายืนยัน คือใบรับรองจากแพทย์หรืออื่นๆ โดยทางนางนิภารับปากว่าในวันที่ 12 เม.ย.นี้ จะพาน้องไปรักษา

 

             \"น้ำหวาน ซาซ่า\" พบคู่กรณีโพสต์คุกคาม นานกว่า 6 ปี

 

            “ถามอีกฝ่ายไปว่า  ดิฉันได้ลงรูปในอินสตราแกรมในระหว่างที่นั่งคุยกันที่โรงพัก ซึ่งนายธีรโชติก็ยังส่งข้อความคุกคามเข้ามาอยู่ นางนิภาจะทำอย่างไร เคยคิดจะทำอะไรกับอุปกรณ์สื่อสารของลูกหรือไม่เพราะเป็นจุดเริ่มต้น จึงอยากให้ระงับการใช้โทรศัพท์ ก่อนที่จะเข้ารับการรักษา ซึ่งนางนิภาดูเหมือนจะไม่อยากทำ แต่ก็ให้สัญญากับตนและตำรวจว่า หลังจากแยกย้ายกลับบ้านกันไป ไม่ว่าจะลงรูปอะไรก็ตามจะไม่มีการส่งข้อความคุกคามอีก หากไม่ทำตามที่สัญญา ในวันที่ 11 เม.ย.นี้ นางนิภาจะพาลูกชายที่พิมพ์ข้อความมาเจอกันที่สน.ดอนเมือง อย่างไรก็ตาม ถ้าอีกฝ่ายไม่หยุดส่งข้อความ และไม่มาโรงพักตามที่สัญญากันไว้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการออกหมายจับ ซึ่งตนไม่อยากให้ไปถึงขั้นนั้น” น.ส.พิมรากล่าว

            น.ส.พิมรา กล่าวต่อว่า ตนเคยขอให้นางนิภาพานายธีรโชติไปรักษา แต่นางนิภาบอกว่าไม่มีเงิน ซึ่งตนและแม่ ยินดีที่จะดูแลรับผิดชอบในส่วนของค่ารักษาทั้งหมด แต่ปัญหาคือนางนิภาอยากพาลูกไปรักษาหรือไม่ ทั้งนี้ หากมีการพาไปรักษา ตนก็ยินดีที่จะถอนแจ้งความ เพราะไม่อยากเอาเรื่อง ส่วนเรื่องงานนั้น กระทบมานานแล้ว ไม่ว่าใครจ้างงานก็ได้เห็นข้อความที่พิมพ์คุกคามมาเช่น ชั่ว เหี้ยมโหด คนที่จะจ้างงานก็เกิดคำถามทำไมถึงมีคนมาว่าเรา ช่วงนี้ตนเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า 1 ตัวเกี่ยวกับผิวหน้า มีการตกลงให้ตนลงรูปในอินสตราแกรม ซึ่งวันนี้ก็ต้องลงรูปแต่ตนไม่กล้าลง เพราะกลัว

 

\"น้ำหวาน ซาซ่า\" พบคู่กรณีโพสต์คุกคาม นานกว่า 6 ปี

            ด้าน นางนิภา เปิดเผยว่า ตนมีลูก 2 คน เป็นชาย 1 หญิง 1 คนที่ส่งข้อความหาน.ส.พิมรา คือลูกชายคนโต โดยลูกชายตนมีอาการบกพร่องทางจิตมาตั้งแต่ 4 ขวบ ปัจจุบันต้องรับยาจากรพ.ศิริราช และรพ.สมเด็จเจ้าพระยา หากวันไหนไม่ได้กินยาจะนอนไม่หลับ นิสัยทั่วไป มักมีอาการไฮเปอร์ สมาธิสั้น อารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรง ถ้าขัดใจจะอาละวาด ที่ผ่านมา ตนเคยคุยกับทางครอบครัวของน.ส.พิมราแล้วว่า เคยตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตแล้ว ทำให้ลูกชายอาละวาด ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะกลับไปยึดโทรศัพท์ลูกชาย เพื่อไม่ให้ส่งข้อความคุกคามอีก และในวันที่ 12 เม.ย.นี้ จะพาลูกชายไปรักษาอาการป่วยที่รพ.สมเด็จเจ้าพระยา และจะนำใบผลตรวจมาให้เจ้าหน้าที่ต่อไป

            ขณะที่ ร.ต.อ.เทพพิทักษ์ เปิดเผยว่า วันนี้ทางนางนิภาได้มาชี้แจงอาการป่วยของผู้ต้องหา ขณะที่ทางน.ส.พิมรา นั้น เรียกร้องให้นางนิภายึดโทรศัพท์ของลูกชาย ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตและพาไปรักษาถึงวันที่ 12 เม.ย.นี้ ทั้งนี้ หากฝ่ายนางนิภาไม่ทำตามที่รับปากไว้ ในวันที่ 17 เม.ย.นี้ พนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการยื่นคำร้องขอศาลออกหมายจับ เนื่องจากออกหมายเรียกไปแล้ว 2 ครั้ง ทั้งนี้ หากทางผู้ต้องหาทำตามข้อตกลงที่ไกล่เกลี่ยกัน แล้วผู้เสียหายพอใจที่จะถอนแจ้งความ ก็สามารถทำได้.