
"ปิ๋ม" อภิรมณ อุไรรัตน์หลงใหลพระเครื่องแต่ไม่ใช่ระดับเซียน...
หุ...หุ...ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อละค่ะว่าหญิงสาวหน้าสวยนามว่า "ปิ๋ม" อภิรมณ อุไรรัตน์ บุตรสาวคนเดียวของ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตนักการเมืองคนดัง เจ้าของมหาวิทยาลรังสิต และอื่นๆ อีกมากมาย และตอนนี้ก็แบ่งเบาธุรกิจการงานมาให้ลูกสาวดูแล
อย่าง โรงเรียนสาธิตมหาวิทยารังสิต รวมทั้งสาวเจ้าก็นั่งเก้าอี้
อาจารย์ประจำคณะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบริการมหาวิทยาลัยรังสิต ที่สำคัญเธอคนนี้หลงใหลได้ปลื้มกับพระเครื่องเป็นอย่างมาก ...อย่างนี้ก็ต้องไปเจาะเบื้องหลังกันละว่า ทำไมสาวๆ รุ่นใหม่ไฟแรงถึงอินกับพระเครื่อง ?
นัดแนะกันแต่เช้าตรู่เธอมาในมาดของอาจารย์อย่างสมบูรณ์ เพราะการแต่งตัวที่ดูเรียบร้อยภูมิฐานเหมาะอย่างมากกับการบอกกล่าวภูมิความรู้ให้ลูกศิษย์ แต่ที่แอบแปลกใจอยู่ลึกๆ ว่าทำมั้ย...ทำไมจึงมีสาวๆ เดินตามเธอมาเป็นขบวน สุดท้ายก็ได้คำตอบที่ต้องมาเป็นขบวน 3-4 คนไม่ใช่อะไรเลย ด้วยแต่ละคนมีหน้าที่กรุพระเครื่องคนละไม้ละมือเอาโชว์ให้เห็นกันชัดๆ ว่าสาว "ปิ๋ม" เธอเป็นนักสะสมพระเครื่องตัวยง
เปิดประโยคแรกเธอมาพร้อมกับเสียงใสๆ กับคำถามที่ว่า "เห็นทีมงานบอกว่าให้ขนพระเครื่องมาให้ดู รู้สึกเขินๆ ที่คนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นอายุเพียงเลข 3 ต้นๆ แต่ชอบสะสมพระเครื่องซะได้" พูดจบเธอก็จบประโยคด้วยหัวเราะคิกคัก..ว่าแล้วก็หันมาบอกเราอีกครั้งกับการเริ่มคุยอย่างจริงจังว่า ความจริงแล้วจะถือว่าเป็นการสะสมพระเครื่องคงไม่ได้ เพียงแต่เธอนั่นช่วงหลังๆ มาประมาณ 7-8 ปีที่ผ่านมา จะชอบเข้าวัดทำบุญ หรือไปทำสมาธิในสถานปฏิบัติธรรมต่างๆ พอเข้าไปทางนี้ก็มีพระที่นับถือหรือบุคคลที่นับถือมอบพระมาให้บูชา
"พอได้รับพระมาแล้วก็ดูไม่เป็นนะคะว่าจริงแท้ เนื้อดีอย่างไร แล้วจะทิ้งหรือให้คนอื่นต่อก็ไม่สมควร ก็เก็บไว้เรื่อยๆ จนเยอะมากมายอย่างที่เห็น ซึ่งความจริงที่บ้านมีอีก แต่ขนมาไม่ไหวแล้ว และเมื่อมีเยอะขึ้นก็เริ่มสังเกตและเริ่มหาหนังสือเกี่ยวกับพระเครื่องมาศึกษาว่าพระองค์นี้มีที่มาทีไปอย่างไร แล้วก็คุยกับพ่อของเพื่อนๆ ที่มีความรู้ด้านนี้ จนมีความรู้มากขึ้น แต่ส่วนตัวปิ๋มชอบศึกษาที่มาที่ไปของพระเครื่องแต่ละองค์มากกว่า ว่าสร้างอย่างไร ใช้วัสดุอะไรในการสร้างแบบบ้าง โดยส่วนตัวจะชอบเทคนิคการสร้างแบบเดิมที่ใช้ดินปลุกเสก ดอกไม้ที่บูชาพระ ดูขลังและศักดิ์สิทธิ์ และทำให้ปิ๋มรู้ถึงประวัติศาสตร์ในช่วงนั้นๆ อีกด้วย" ผู้หลงใหลพระ เล่าที่มา
ในระหว่างที่เธอคุยกับทีมงาน "คม ชัด ลึก" อยู่นั่น บรรดาสาวๆ ที่เดินตามเธอมาเป็นขบวนก็สาละวนกับการเรียงพระเครื่องให้สวยงาม จนเธอบอกเพิ่มเติมมาว่า ส่วนใหญ่แล้วทั้งหมดนั้นมีคนให้ทั้งสิ้นจะมีไม่กี่องค์ที่ไปทำบุญตามวัดต่างๆ แล้วเช่ามาแต่ก็น้อยมาก ซึ่งแม้เธอจะหลงใหลและชอบในพระเครื่องมากแค่ไหน เธอก็ยังไม่เคยต้องเช่าพระแพงๆ หรือดังๆ มาไว้สักองค์เลย
"แต่ที่เห็นอยู่อย่างพระสมเด็จ หรือ เหรียญรัชกาลที่ 5 นี้ก็ไม่ได้หาเช่ามานะคะ มีคนทีนับถือเห็นว่าปิ๋มมีพระอยู่เยอะ แล้วก็ชอบไปคุยๆ เรื่องพระกับผู้รู้ เขาก็เลยให้มาปิ๋มก็เก็บรักษาไว้อย่างดี แต่ก็ไม่ถึงขนาดเอามาส่อง เอามาขัดเช็ดถูเหมือนผู้ชื่นชอบคนอื่นๆ เพียงมีไว้บูชา และคำว่าบูชาของปิ๋มก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อสวมใส่พระเครื่ององค์ต่างๆ ที่มีอยู่แล้วจะแคล้วคลาดปลอดภัย ทุกอย่างปิ๋มเชื่อว่าอยู่ที่การกระทำ ทำดีก็ได้ดี ทำไม่ดีผลก็ต้องออกมาไม่ดี เพราะไม่ว่าคุณจะสวมพระดังหรือศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน ถ้าคิดไม่ดี ทำไม่ดีแล้วก็คงไม่ได้ดีหรอก
"การสวมพระหรือการเก็บพระไว้ของปิ๋มคือเครื่องเตือนให้สงบ มีสมาธิ ไม่ใช่มีไว้โอ้อวด หรือไว้เพื่อเป็นของขลังศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งปิ๋มก็ไม่เชื่อด้วยว่ามีจริงๆ การที่เรามีพระเป็นเพียงเครื่องยึดเหนียวจิตใจตามหลักพระศาสนา เฉกเช่นเหมือนปิ๋มไปไหว้พระทำบุญ สิ่งที่ได้เลยก็คือความสงบ ความสุข กับการกระทำ ณ ตรงนั้น ไม่ได้หวังอะไรมากกว่านี้เลย" อาจารย์คนสวย กล่าวด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
ว่าแล้วเธอก็ถามเรากลับทันที "เอ...พี่ดูพระเป็นหรือเปล่าค่ะ" อ้าว...จบข่าวซิค่ะ...ไหนๆ ก็รู้แล้วละว่าสาวคนนี้ชื่นชอบพระอย่างไร ก็ต้องถึงคิวพูดจาเรื่องหน้าที่การงาน โดยเธอเล่าเรื่องการดูแลโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรังสิตให้ฟังว่า โรงเรียนแห่งนี้จะถือว่าเธอมีส่วนดูแลตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงวันนี้เลยก็ว่าได้ โดยมีคณะอาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตเป็นที่ปรึกษาที่สำคัญ ในเรื่องการคัดสรรหลกสูตรการเรียนที่มาลงตัวที่การผสมผสานการเรียนแบบตะวันตกและของไทยได้อย่างกลมกลืน จนวันนี้เธอมีนักเรียนในการดูแลกว่า 800 คนแล้ว
และนอกจากจะดูแลโรงเรียนเธอก็ยังเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาอีกด้วย ซึ่งการสอนหนังสือนั้นเธอบอกว่า เป็นการเพิ่มพูนความรู้ให้แก่ตัวเองตลอดเวลา เพราะต้องสรรหาเนื้อหาความรู้ต่างๆ มาบอกเล่าให้นักศึกษาฟังอยู่เสมอ จะสอนเพียงตามตำรับตำราคงไม่ได้ นั่นเองจึงเป็นการเปิดทัศนะ เปิดประสบการณ์ให้แก่เธอไปด้วยในตัว ยังไม่นะคะ..เธอยังเจียดเวลาอีกส่วนไปเรียนปริญญาเอกแว่วว่าใกล้จะมีคำว่าดอกเตอร์นำหน้าชื่ออีกไม่นาน
เวลาที่เหลือทั้งหมดเธอก็ทุ่มให้แก่สามีและลูกสาววัย 4 ขวบที่ตอนนี้กำลังจ๊ะจ๋าน่ารัก ให้คุณแม่คนนี้วุ่นทั้งกายและใจทุกวี่วัน...
เรื่อง / กรรณิกา ใจจำนงค์
ภาพ / ศุภกฤษ คุ้มกัน