
"กรมชลฯ"ชงแผนเพิ่มความจุเขื่อนปัตตานี
"อธิบดีกรมชลฯ"ชงแผนเพิ่มความจุเขื่อนปัตตานี เสริมหน้าเขื่อนพื้นที่รับประโยชน์กว่า2 แสนไร่ พร้อมเร่งปรับปรุงโครงการพระราชดำริช่วยเหลือประชาชนขาดแคลนน้ำ"
4 เม.ย. 2561 ที่จ.ปัตตานี นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วยนายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลฯ ได้กล่าวรายงานสถานการณ์น้ำและความคืบหน้าการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่ชายแดนใต้
นายทองเปลว กล่าวว่า การใช้น้ำจากเขื่อนทดน้ำปัตตานีและใช้การสนับสนุนน้ำจากอ่างเก็บน้ำบางลาง จ.ยะลา มีพื้นที่ชลประทาน 439,266 ไร่ รวมถึงมีอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก 3 แห่ง มีน้ำ 90 % และแหล่งน้ำอื่น ๆ แก้มลิง ฝาย มีน้ำ 70 % ซึ่งคณะกรรมการจัดการน้ำชลประทาน(JMC)เขื่อนปัตตานี ได้ส่งน้ำและแผนปฏิบัติระหว่างส่งน้ำ เพื่อผลักดันน้ำให้ถึงพื้นที่เพาะปลูกช่วงปลายคลองส่งน้ำ และวางแผนใช้น้ำในฤดูแล้ง 406 ล้านลบ.ม.
ทั้งนี้โครงการสำคัญในปีนี้จะดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำเพิ่มพื้นที่ความจุหน้าเขื่อนปัตตานี จะได้พื้นที่รับประโยชน์ 2 แสนไร่ 2.5 หมื่นครัวเรือน ส่วนในปี 2562 สร้างคันกั้นน้ำบ้านเกาะหม้อแกง พื้นที่รับประโยชน์ 560 ไร่ 170 ครัวเรือน
ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน
นายทองเปลว กล่าวว่า จะปรับปรุงโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เช่น 1.โครงการปรับปรุงท่อระบายน้ำวังพลายบัว ซึ่งตัวกำแพงน้ำล้นของอาคารท่อระบายน้ำชำรุดเก็บน้ำไม่ได้ และมีปริมาณตะกอนทรายจำนวนมาก ไม่สามารถยกบานระบายได้ อีกทั้งปริมาณน้ำไม่เพียงพอทำให้ท่อส่งน้ำทับถมหน้าตัวฝายจนท่ออุดตัน 2.โครงการปรับปรุงฝายคลองช่องเรือ ราษฎรที่ช่วยเหลือประชาชนขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค ซึ่งตัวฝายกักเก็บน้ำไม่ได้ มีการทรุดตัว ยังมีปริมาณตะกอนทรายจำนวนมาก
โดยได้สร้างทำนบชั่วคราวโดยใช้กระสอบทราย และวางท่อ พีวีซี ส่งน้ำลงถังเก็บน้ำ ขนาด 1,600 ลบ.ม. และจ่ายน้ำเป็นบางช่วงเวลา แต่เมื่อถึงช่วงฤดูน้ำหลากและมีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลผ่าน จะทำให้ทำนบชั่วคราวเสียหาย ได้ทำการซ่อมแซมตัวฝาย และดาดคลองเสริมหน้าฝาย กันน้ำลอดผ่านตัวฝาย ให้ราษฎรได้ใช้น้ำ พร้อมขุดลอกตะกอนทรายหน้าฝาย และซ่อมแซมท่อส่งน้ำในส่วนที่เสียหาย ส่วนการแก้ไขระยะยาว จะต้องปรับปรุงตัวฝายใหม่ เพื่อป้องกันน้ำลอดใต้ตัวฝาย และช่องระบายทราย ที่สามารถระบายทรายได้เพียงพอ พร้อมระบบส่งน้ำที่เสียหายให้กลับมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ