ข่าว

'รายย่อยไอเฟค'ฟ้องศาลแพ่งเรียกเงิน1ล้าน2กก.บริษัทฯ

'รายย่อยไอเฟค'ฟ้องศาลแพ่งเรียกเงิน1ล้าน2กก.บริษัทฯ

04 เม.ย. 2561

"รายย่อย ไอเฟค" ฟ้องศาลแพ่งเอาผิด 2 กรรมการบริษัทฯให้ข่าวบิดเบือน เรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาท

    เมื่อวันที่ 4 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ถือหุ้นรายย่อยกลุ่มหนึ่งของบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือไอเฟค(IFEC) มอบหมายทนายความยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งขอเรียกค่าเสียหาย  1 ล้านบาท จากนายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูติ จำเลยที่ 1และ พล.ต.บุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ จำเลยที่ 2 ฐานกระทำละเมิด โดยระบุในคำฟ้องว่า ในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัทไอเฟคได้รับความเสียหายจากการที่นายฉัตรณรงค์ และ พล.ต.บุญเลิศ ซึ่งเป็นประธานกรรมการตรวจสอบ ได้ร่วมกันให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง โดยพยายามชี้นำให้มีการจัดการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเลือกตั้งกรรมการ ทั้งๆที่ทั้ง 2 คน ทราบดีว่ายังมีข้อพิพาทในศาล ไม่อาจจัดการประชุมได้

\'รายย่อยไอเฟค\'ฟ้องศาลแพ่งเรียกเงิน1ล้าน2กก.บริษัทฯ                                         
    ขณะเดียวกันปัจจุบันบริษัทไอเฟคไม่มีประธานคณะกรรมการบริษัทที่จะทำหน้าที่เรียกประชุมผู้ถือหุ้นตามกฎหมายได้ จึงเห็นว่าการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยและผู้ถือหุ้นอื่นๆทั้งหมดของบริษัทเกิดความสับสน รวมทั้งได้รับความเสียหาย เพราะหากมีการจัดประชุมเพื่อเลือกตั้งกรรมการ ทั้งๆที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด จะทำให้บริษัทถูกฟ้องร้องและเป็นเหตุให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทได้รับความเสียหาย    
    อย่างไรก็ตามในคำฟ้องยังอ้างถึง การประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2560 เพื่อเลือกตั้งกรรมการแทนที่กรรมการที่ว่างลง โดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งนั้นเห็นชอบให้เลือกกรรมการตามพระราชบัญญัติ บริษัทมหาชน จำกัด มาตรา 70 ต่อมามีผู้ถือหุ้นของบริษัท ยื่นคำร้องคัดค้านต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าอ้างว่า การเลือกตั้งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะตามกฎหมายต้องใช้วิธีเลือกตั้งตามข้อบังคับบริษัทในข้อที่ 20 กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจึงไม่รับจดทะเบียนกรรมการที่ได้รับการเลือกตั้งในการประชุม จากนั้นได้มีการฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งว่าการเลือกตั้งกรรมการที่ว่างลงนั้น เป็นการเลือกตั้งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง ปัจจุบันอยู่ระหว่างอุทธรณ์คดียังไม่ถึงที่สุด ดังนั้น เมื่อยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนมติที่ประชุมเลือกกรรมการ จึงถือว่า มติที่ประชุมเลือกกรรมการเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2560 ยังมีผลและชอบด้วยกฎหมายจนกว่าศาลจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น

\'รายย่อยไอเฟค\'ฟ้องศาลแพ่งเรียกเงิน1ล้าน2กก.บริษัทฯ
            ส่วนกรณีประธานกรรมการบริหารบริษัทไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้เพราะถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา จนถึงปัจจุบันยังไม่มีคำพิพากษาของศาลว่ามีความผิด จึงถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ไม่สามารถจัดประชุมเพื่อเลือกกรรมการได้ เนื่องจากยังไม่มีข้อยุติว่าจะใช้วิธีใดในการเลือกตั้งกรรมการ และต้องรอฟังคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลแพ่งเสียก่อน