10ขวบไม่อยากไปโรงเรียนผูกคอตาย | คมชัดลึก

เหตุสลดใจเด็กอายุ 10 ขวบผูกคอตายแค่น้อยใจพ่อไม่ให้หยุดเรียน เปิดเผยเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 9 ตุลาคม ร.ต.ท.ภมร โพธิ์ขาว พนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน ได้รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่สถาบันพยาบาลบางขุนเทียน ว่า มีเด็กชายอายุ 10 ขวบ ผูกคอเสียชีวิต โดยญาตินำศพมาส่งที่โรงพยาบาล หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ภายในห้องฉุกเฉินของสถานพยาบาลดังกล่าว พบศพ ด.ช.ธันวา เวชกามา หรือ “น้องเจม” อายุ 10 ขวบ อยู่บ้านเลขที่ 79/6 ซ.ชัยวัฒน์ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กทม. เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเลิศพัฒนา สวมกางเกงขาสามส่วนลายพราง ไม่สวมเสื้อ ที่ลำคอมีรอยฟกช้ำเป็นแถบสีเขียว ตามร่างกายไม่มีบาดแผลแต่อย่างใด

 จากการสอบปากคำ นางอุบล เวชกามา มารดาของผู้ตาย ให้การด้วยน้ำตานองหน้าว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเรียน โดยทางโรงเรียนจะมีการจัดงานเลี้ยงฉลองปิดเทอม ซึ่งในช่วงเช้าลูกชายต้องไปเรียนหนังสือตามปกติ แต่ตนเห็นว่าสายแล้วลูกยังไม่ตื่น จึงเข้าไปปลุกภายในห้องนอน แต่ลูกชายพูดอ้อนวอนบอกว่าไม่อยากไปโรงเรียน จะขอหยุดอยู่บ้าน เมื่อสามีทราบเรื่องก็ไม่ยอม พร้อมทั้งสั่งกำชับให้ลูกอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน จากนั้นตนได้ออกไปขายของ โดยปล่อยให้ลูกชายอยู่ที่บ้านกับญาติๆ ต่อมาลูกชายเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำเป็นเวลานานผิดสังเกต ญาติจึงเคาะประตูเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงตัดสินใจงัดประตูห้องน้ำเข้าไปก็พบว่าลูกชายใช้ผ้าเช็ดตัวผูกคอกับขื่อภายในห้องน้ำเสียชีวิต

 นางอุบล กล่าวว่า มีลูกชายทั้งหมด 4 คน น้องเจมเป็นลูกคนสุดท้อง และไม่คาดคิดว่าจะคิดสั้นฆ่าตัวตายเพียงแค่ไม่อยากไปโรงเรียน เมื่อคืนที่ผ่านมาลูกชายยังจัดกระเป๋านักเรียน และไม่มีท่าทีจะไม่อยากไปเรียน ปกติลูกชายเป็นคนนิสัยเรียบร้อย เรียนดี ไม่เกเร อุปนิสัยร่าเริง แจ่มใส ไม่เคยเครียดเกี่ยวกับเรื่องการเรียน และไม่ได้ติดเกม อีกทั้งยังชอบเล่นกีฬาเทควันโด จนได้เป็นสมาชิกของชมรมเทควันโดและได้เป็นนักกีฬาเทควันโดของโรงเรียน  เคยได้รับรางวัลในการแข่งขันมาแล้วมากมาย ทั้งนี้ ตนและญาติพี่น้องทุกคนรวมทั้งอาจารย์ต่างรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่น้องเจมตัดสินใจฆ่าตัวตาย

 “ปกติลูกจะชอบดูหนังที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมทางเคเบิลทีวี แต่ฉันเห็นว่ามันดูโหดร้ายรุนแรงก็เลยสั่งห้ามไม่ให้ลูกดู แต่ลูกก็ยังรั้นที่จะดูให้ได้ แต่ฉันเชื่อว่ารายการที่ลูกดูไม่เกี่ยวกับการที่ลูกผูกคอตาย” นางอุบล กล่าวทั้งน้ำตา

 ด้าน ร.ต.ท.ภมร คาดว่า ด.ช.ธันวา อาจจะเกิดความน้อยใจที่ถูกพ่อแม่บังคับให้ไปโรงเรียน แต่เด็กต้องการจะอยู่กับครอบครัวที่บ้าน เนื่องจากช่วงปิดเทอมญาติจะมาอยู่ที่บ้านกันหลายคน ทำให้ไม่อยากไปโรงเรียน ประกอบกับอาจจะดูหนังเกี่ยวกับการฆาตกรรม จึงเกิดคิดสั้นผูกคอตายดังกล่าว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะสอบปากคำญาติของเด็ก รวมทั้งพยานแวดล้อมอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นจะส่งศพไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด.ช.ธันวา เป็นนักกีฬาเทควันโด ขั้น 11 สายสีฟ้า เป็นนักกีฬาของโรงเรียน และชมรมเทควันโด เคยชนะการแข่งขันจนได้เหรียญทองในการแข่งขันเทควันโด อบจ.สิงหืบุรี และการแข่งขันเทควันโดรายการ "ยอดปฏิภาณ ทัวร์นาเมนต์" ครั้งที่ 2 รวมทั้งการแข่งขันเทควันโดที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า สมุทรปราการ นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย จนมีชื่อเสียงในระดับเยาวชน

 ขณะที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การที่เด็กอายุ 10 ขวบ ฆ่าตัวตายอาจมาจากหลายสาเหตุ จึงต้องดูข้อเท็จจริงว่าเด็กตัดสินใจทำแบบนี้ด้วยสาเหตุอะไร ซึ่งตามหลักฐานการวิจัยเกี่ยวกับปัญหาการตัดสินใจฆ่าตัวตาย ส่วนใหญ่มักจะเกิดจาก 3 สาเหตุ คือ 1.ปัญหาความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว 2.ปัญหาทางสุขภาพกาย และ 3.ปัญหาทางสุขภาพจิต ส่วนกรณีนี้อาจเข้าข่ายของสาเหตุเรื่องสัมพันธภาพคนในครอบครัว ที่อาจจะมีเรื่องทำให้เด็กเกิดความน้อยใจผู้ปกครอง จนเด็กตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบ และถ้าถามว่าเกิดการเลียนแบบจากสื่อได้ไหมก็อาจจะเป็นไปได้ ซึ่งการเลียนแบบทางการแพทย์เรียกว่า "coppy cat" เป็นเรื่องของการเรียนแบบจากสื่อต่างๆ ที่เกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย เป็นการแนะนำที่ผิดๆ เกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาชีวิต แต่เบื้องต้นกรณีนี้ต้องคิดไว้หลายๆ สาเหตุ

 "อยากฝากไปถึงผู้ปกครองเรื่องบุตรหลานที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ครอบครัวต้องเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ถ้าสังเกตเห็นเด็กแสดงออกมาทางด้านพฤติกรรม หรืออารมณ์ที่เปลี่ยนไป พ่อแม่ต้องรับรู้ที่ไว ต้องรีบหาทางออกที่ดีให้แก่ลูก พูดคุยหรือให้คำปรึกษา ถ้าพบว่าลูกมีปัญหา ผมอยากให้กำลังใจพ่อแม่ทุกคนให้พยายามเข้าใจภาวะของเด็กที่กำลังเกิดการเรียนรู้ในช่วงวัยรุ่น หรือถ้าหาทางออกไม่ได้ ทางกรมสุขภาพจิตยินดีให้คำปรึกษาในทุกเรื่อง ทั้งในเว็บไซต์ หรือทางสายด่วนกรมสุขภาพจิต 1323 โดยจะมีเจ้าหน้าที่ยินดีให้คำปรึกษา" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว