
จระเข้เกือบเมตรโผล่ท่อระบายน้ำดอนเมือง
ชาวบ้านย่านดอนเมืองแตกตื่นหลังลูกจระเข้ยาวเกือบ 1 เมตรโผล่ท่อระบายน้ำริมถนนโกสุมรวมใจ แขวงสีกัน ชาวบ้านบางคนนำมาเลี้ยง
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 8 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีผู้พบเห็นจระเข้ อยู่ภายในท่อระบายน้ำ ริมถนนโกสุมรวมใจ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม.จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในท่อระบายน้ำพบชาวบ้านจำนวนมากกำลังจับกลุ่มยืนมุงดูภายในท่อ อยู่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 43 หมู่ 4
สอบถาม ด.ช.ธนากร คล้ายเพชร อายุ 5 ขวบ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้นำตุ๊กตาขนาดเล็กมาผูกเชือกแล้วหย่อนลงไปในรูท่อระบายน้ำหน้าบ้านเล่น แต่เมื่อดึงขึ้นมาปรากฎว่ามีตัวอะไรไม่รู้มางับตุ๊กตา จึงได้เรียกนายพิพัฒน์ หลักศิลา ซึ่งเป็นปู่ตนให้มาดูก็พบว่าเป็นลูกจระเข้ขนาดเล็ก หลบอยู่ภายในท่อ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่อาสาดับเพลิงเจ้าพ่อสมบูรณ์ (ฝั่งโขง) ให้มาช่วยดำเนินการจับ
ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางมาถึงจึงได้เปิดฝาท่อระบายน้ำเพื่อตรวจสอบ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็พบลูกจระเข้ดังกล่าวหลบอยู่ภายในท่อ จึงจับตัวขึ้นมาตรวจสอบพบว่าเป็นจระเข้ขนาดเล็ก ตัวยาวประมาณ 80 ซม.อายุประมาณ 1 ปี คาดว่าน่าจะเป็นลูกจระเข้ที่มีชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงเลี้ยงไว้ แล้วเกิดหลุดออกมาระหว่างที่ฝนตก จึงได้นำไปเก็บไว้ที่ศูนย์อาสาดับเพลิงฯ ก่อนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารับตัวไปดูแล
รมว.วัฒนธรรมตรวจเยี่ยมโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 8 ต.ค.2552 นายธีระ สลักเพชร รมต.กระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยนายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร ได้เดินทางมายังโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม อ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อตรวจดูความพร้อมในการป้องกันน้ำท่วมเข้าโบราณสถาน ซึ่งพบว่ามีการติดตั้งบังเกอร์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว
นายธีระ เปิดเผยว่า ระดับน้ำที่สูงขึ้นประมาณ 50-100 ซ.ม. และในช่วง 2-3 วันนี้ น้ำอาจจะขึ้นเร็ว ส่งผลให้น้ำเอ่อล้นเข้าบ้านเรือนริมแม่น้ำเข้าพระยา แม่น้ำน้อย ในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรมได้สั่งการให้กรมศิลปากรเตรียมการป้องกันโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยได้มีการทำผนังเขื่อนป้องกันน้ำสูง 2.50 ม. อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบแล้วยังไม่น่าเป็นห่วง อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมยังกล่าวด้วยว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้ให้งบประมาณในโครงการไทยเข้มแข็งกับการป้องกันโบราณสถานอย่างเต็มที่ เชื่อว่าจะสามารถป้องกันในช่วงฤดูน้ำหลากนี้ได้
ต่อมาเมื่อในช่วงบ่าย นายนที บ่อสุวรรณ นายอำเภอบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจากเทศบาลตำบลบ้านเลนว่า มีบ้านเรือนราษฎรถูกน้ำพัดพังลงไปทั้งหลัง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่า บ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวยกพื้นสูง เลขที่ 22 ม. 12 ต.บ้านเลน อ.บางปะอิน อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สภาพบ้านพังลงไปในน้ำทั้งหลัง ภายในบ้านยังมีข้าวของอยู่เต็มไปหมด
จากการสอบถามนางบุญ นาคจั่นเพชร อายุ 57 ปี ทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวได้พังลงมาตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 23.00 น. ขณะที่นอนอยู่กับหลานๆ อายุตั้งแต่ 12 ปี จนถึง 4 ขวบ รวม 7 คน ได้ยินเสียงไม้ลั่น ตนจึงเข้าไปปลุกหลานๆ แล้วพากันออกไปอยู่ข้างบ้าน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น เป็นเหตุให้บ้านพังลงไปทั้งหลัง ซึ่งหลังจากเดินทางไปเยี่ยมแล้ว ทางอำเภอบางปะอินได้นำบ้านน๊อคดาวน์ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยไปให้อยู่เป็นการชั่วคราว โดยทางเทศบาลตำบลบ้านเลนได้ซื้อข้าวของไปให้ และจะดำเนินการช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านที่พังต่อไป