พรรคขวา-ประชานิยมเขย่าการเมืองอิตาลี

          หลังจากที่ผู้มีสิทธิออกเสียงเทคะแนนให้แก่พรรคที่มีแนวนโยบายเอียงขวามากที่สุด แต่ก็ไม่มากพอที่จะจับมือกันตั้งรัฐบาลได้

          โดยพรรคสันนิบาตซึ่งเป็นพรรคขวาจัดและไม่สนับสนุนสหภาพยุโรป (อียู) ได้ 18% และพรรคฟอร์ซาอิตาเลียของอดีตนายกรัฐมนตรี 4 สมัย ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี ได้ 14% ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ มัตเตโอ ซัลวินี ผู้นำพรรคสันนิบาต ซึ่งเคยหาเสียงชูคำสัญญาปิดค่ายผู้ลี้ภัยในกรุงโรม และเนรเทศผู้ขอลี้ภัยเรือนแสน จะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับสามของอิตาลี

          รองจากพันธมิตรฝ่ายขวา ได้แก่ ขบวนการไฟว์สตาร์ พรรคการเมืองแนวประชานิยม กวาดคะแนนเสียง 31% ด้วยแรงหนุนจากชาวอิตาลีที่เบื่อหน่ายกลุ่มอำนาจเดิม และสภาพเศรษฐกิจ จนทำให้พรรคการเมืองอายุ 9 ปี กลายเป็นพรรคมีที่นั่งมากที่สุดในสภาพรรคเดียว

          ส่วนพรรครัฐบาลแนวกลาง-ซ้ายอย่างพรรคประชาธิปไตยตามมาห่างๆได้รับเลือกเพียง 19% และได้ยอมรับความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งที่จัดขึ้นท่ามกลางความไม่พอใจกับการเข้าไปของผู้อพยพเรือนแสนในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาและความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ

          การผงาดของพรรคประชานิยมและขวาจัดในอิตาลีถูกนำไปเปรียบกับผลประชามติที่ชาวอังกฤษเลือกออกจากอียู และการขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เหนือความคาดหมายของโลก

          ขณะเดียวกัน การที่ไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมาก ก็จะหมายถึงการเจรจาต่อรองทางการเมืองเพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่หลายสัปดาห์หรือหลายเดือน

          มาร์เซลโล ซอร์กี คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ “ลา สตัมปา” กล่าวว่า ผลเลือกตั้ง 4 มีนาคม คือสิ่งที่ยุโรปหวาดกลัว และบางที อิตาลีเองก็ไม่คาดว่าจะออกมาขนาดนี้ ประชานิยมอาจปราชัยที่อื่นในยุโรป แต่ไม่ใช่ที่อิตาลี

          ทั้งนี้ เมื่อไม่มีพรรคหรือพันธมิตรการเมืองใดกวาดที่นั่งมากพอ อิตาลีจะมีทางเลือกไม่มาก ได้แก่ 1.พรรคสันนิบาต หันไปจับมือกับ ขบวนการไฟว์สตาร์ ภายใต้การนำของ ลุยจิ ดิ ไมโอ นักการเมืองหนุ่มวัย 31 ปี เพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสมที่จะพลิกโฉมอิตาลีอย่างสิ้นเชิง เขย่าขวัญนักลงทุนและรัฐบาลทั่วยุโรป หรือขบวนการไฟว์สตาร์ ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่ก็หมายถึงความไร้เสถียรภาพ และทางเลือกสุดท้ายคือการตั้งรัฐบาลชั่วคราวและนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ในที่สุด