ข่าว

ตายันไม่เคยไล่ยายแม่น้องฟีโน่ออกจากบ้าน

ตายันไม่เคยไล่ยายแม่น้องฟีโน่ออกจากบ้าน

20 ก.พ. 2561

ตาน้องฟีโน่ถูกทิ้งอยู่กระต๊อบลำพัง ไม่มีไฟฟ้าใช้ บ้านหลังที่สร้างจากเงินบริจาคถูกปิดเงียบ เผยไม่เคยไล่ยาย-แม่ออกจากบ้าน ไม่รู้ไปอยู่ปราจีนบุรีทำไม

 

               จำได้ไหม “น้องฟีโน่” ด.ช.อรรถพล บุญมี หนูน้อยยอดกตัญญู วัย 9 ขวบ ที่ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นข่าวโด่งดัง เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2559 ถึงความกตัญญู ใจสู้ ปั่นจักรยานไปกลับโรงเรียนวันละ 4 กม. บางวันต้องขาดเรียนไปดูแลแม่ป่วยหนัก เป็นโรคหืดหอบ และโรคลมชัก จนทำให้มีผู้ใจบุญบริจาคเงินช่วยเหลือครอบครัวน้องฟีโน่จำนวนมาก

               แต่ล่าสุดมีข่าวว่า น้องฟีโน่ ถูกไล่ออกจากบ้าน พร้อมแม่ที่ป่วย ยาย และน้องๆ ต้องพากันมาขออาศัยบ้านญาติ ที่เป็นน้องของยายอยู่ที่ จ.ปราจีนบุรี จนมีจิตอาสามูลนิธิสัจจพุทธธรรมแห่งประเทศไทย สาย 4 ได้ร่วมแรงร่วมใจ หาวัสดุร่วมกันก่อสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับน้องฟีโน่ โดยแม่ของน้องฟีโน่ บอกว่า ถูกผู้เป็นตาของน้องฟีโน่ขับไล่ออกจากบ้านที่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี จนต้องนำผู้เป็นยายและน้องของน้องฟีโน่ มาอาศัยที่ จ.ปราจีนบุรี

               ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี ได้เดินทางไปยังบ้านไม่มีเลขที่ บ้านบ่อคำ ต.หายโศก อ.หนองหาน ที่เป็นบ้านของน้องฟีโน่ ที่เคยอาศัยอยู่ พบนายสี พาภักดี อายุ 62 ปี ตาของน้องฟีโน่ อาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าวซึ่งมีสภาพเหมือนกระต๊อบยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้เพียงคนเดียว ใกล้กันยังมีบ้านชั้นเดียว 1 หลัง ที่สร้างด้วยปูนเสร็จเรียบร้อย เป็นบ้านที่มีคนใจบุญบริจาคเงินสร้างให้น้องฟีโน่อยู่อาศัยถูกปิดไว้

               นายสี นั่งอยู่ในบ้านคนเดียว หลังจากแม่ของน้องฟีโน่นำยายและลูกคนเล็กไปอยู่ที่ จ.ปราจีนบุรี โดยนายสีมีสายตาฝ้าฟาง มองไกลๆ ไม่เห็น นำรถจักรยานคู่ชีพของน้องฟีโน่ที่ไว้ขี่ไปโรงเรียนมาให้ผู้สื่อข่าวดู ซึ่งรถจักรยานมีสภาพชำรุด ไม่สามารถขี่ได้เหมือนเดิม ทั้งนี้ นายสี บอกว่า คิดถึงน้องฟีโน่ที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว

               นายสี เปิดเผยว่า ความจริงตนเป็นสามีใหม่ของนางแดง ยายของน้องฟีโน่ โดยแม่ของน้องฟีโน่เป็นลูกติดมากับเขา ที่ตอนนี้เขาป่วยหลังค่อมเดินเหินลุกนั่งลำบาก รวมทั้งแม่ของน้องฟีโน่ที่ป่วยเป็นโรคหอบหืด จนเมื่อประมาณเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา มีผู้สื่อข่าวมาพบน้องฟีโน่ เห็นเป็นเด็กกตัญญู เมื่อออกข่าวไป มีคนใจบุญบริจาคเงินช่วยเหลือ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องเงินเลยแม้แต่บาทเดียว มีแต่ยกที่ดินในบ้านของตนให้เขาไปสร้างบ้านจากเงินที่มีคนบริจาค ซึ่งตนก็ไม่เคยไปถามว่าได้เท่าไหร่ มีแต่ห่วงพวกเขา คิดจะขายควายที่เลี้ยงไว้ช่วยพวกเขาด้วย

               ความจริงแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นมาว่า ยายแดง ภรรยาของตนและแม่น้องฟีโน่กับน้อง ถูกไล่ออกจากบ้าน ตนไม่เคยไล่ ยายแดงหรือลูกสาวเขาเลย ไม่รู้ว่าเขาออกไปเพราะอะไร ตนรักทุกคนเหมือนลูกหลานแท้ๆ โดยเฉพาะน้องฟีโน่ ที่ตนรักมาก ทั้งที่ไม่ใช่หลานในไส้ของตัวเอง แต่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ จึงรักเขามาก ส่วนแม่ของน้องฟีโน่ที่เป็นลูกเลี้ยง หลังจากมีเงินบริจาคเข้ามา เขาก็มีสามีใหม่ แต่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตเขา ไม่เคยไปทำร้ายร่างกายเขาหรือแม่เขา จนมารู้ว่าเขาจะไปอยู่กับญาติที่ จ.ปราจีนบุรี เมื่อประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ ตนก็บอกว่าจะไปทำไม ที่บ้านก็มีอยู่มีกิน แต่เมื่อเขาจะไปก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

               นายสี บอกอีกว่า ลูกเลี้ยงของตนมาว่าตนเป็นคนไล่ออกจากบ้าน ตนยืนยันว่า ไม่เคย แต่เมื่อพวกเขาไปแล้ว หากคิดจะกลับมาอยู่ที่นี่อีก ก็ให้กลับมาได้ โดยตนจะให้ยายแดงและน้องฟีโน่กลับมาอยู่เท่านั้น ส่วนตัวแม่ของน้องฟีโน่ ไม่ต้องการให้กลับมาด้วย ซึ่งมีทรัพย์สินอยู่เพียงเท่านี้ พร้อมจะให้พวกเขา แต่หากไม่กลับมา ก็อยู่คนเดียวได้ เพราะยังมีพี่น้องที่อยู่ใกล้ๆ กันมาดูแล โดยใช้เงินเบี้ยคนพิการ และเบี้ยผู้สูงอายุ ที่ได้เดือนละ 1,400 บาท เลี้ยงชีวิตไป

               หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังโรงเรียนบ้านคำบ่อ ที่เป็นโรงเรียนที่น้องฟีโน่เคยเรียน เพื่อสอบถามเรื่องที่น้องฟีโน่ย้ายไปอยู่ จ.ปราจีนบุรี ว่าจะมีปัญหาเรื่องเรียนหรือไม่ โดยนายธรรมรัตน์ ธรรมพุทธวงศ์ ผอ.โรงเรียน ติดราชการ จึงสอบถามเรื่องกับทางครูในโรงเรียน ทราบว่า แม่ของน้องฟีโน่มาแจ้งกับทางโรงเรียนว่า จะนำน้องฟีโน่ไปอยู่ที่ จ.ปราจีนบุรี เพราะมีปัญหาทางบ้าน ซึ่งทางครูก็คัดค้านว่าจะย้ายช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว หากย้ายไปจะทำให้น้องฟีโน่มีปัญหาเรื่องเรียน จะไม่ทันเพื่อนๆ แต่ทางแม่น้องฟีโน่ยืนยันจะไป ทางโรงเรียนจึงต้องดำเนินการให้ตามสิทธิ์ของนักเรียน ส่วนเรื่องเงินบริจาคให้น้องฟีโน่ ทางครูในโรงเรียนไม่ทราบว่าได้ยอดเท่าไหร่ โดยทาง ผอ.โรงเรียน เป็นผู้ดำเนินการในการจ่ายค่าสร้างบ้านต่างๆ เท่านั้น

               “ยอมรับว่าหลังจากที่มีข่าวน้องฟีโน่ออกมาในช่วงนั้น พอหลังจากมีการบริจาคเข้ามา ชีวิตของเขาดีขึ้น นิสัยของน้องฟีโน่เปลี่ยนไปบ้าง จากเด็กที่ไม่มีอะไร เริ่มมีการก้าวร้าว แต่ไม่มากนัก ครูที่โรงเรียนเป็นห่วงเขาในจุดนี้ ฝากให้ครูที่โรงเรียนใหม่ดูแลน้องในจุดนี้ด้วย”

               นายไสว สุวรรณสิงห์ กำนัน ต.หายโศก เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของครอบครัวเขา รายละเอียดตนไม่ทราบ ส่วนเงินบริจาค ตนไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว ยอดบริจาคทั้งหมดเท่าไหร่ไม่ทราบ แต่ทราบเพียงว่าประมาณ 4 แสนกว่าบาท มีเพียงหลังจากสร้างบ้านเสร็จ จนมอบบ้านให้กับน้องฟีโน่ช่วงเดือนพฤษภาคม 2560 มีเงินเหลืออยู่ 8,836 บาท ซึ่งทาง ผอ.โรงเรียน ได้เปิดบัญชีใหม่ให้เป็นทุนการศึกษากับน้องฟีโน่ โดยตนเป็นผู้เก็บสมุดบัญชีไว้ จนก่อนที่แม่ของน้องฟีโน่จะย้ายไป จ.ปราจีนบุรี เขาบอกไม่มีค่าเดินทาง ตนจึงมอบสมุดบัญชีของน้องฟีโน่ ให้กับเขาไปต่อหน้า ผอ.รพ.สต.หายโศก ถ่ายรูปเป็นหลักฐาน พร้อมติดต่อไปยังผู้บริหารท้องถิ่นในพื้นที่ที่ครอบครัวนี้ไปอยู่ เพื่อดำเนินเรื่องเงินคนพิการและเงินสูงอายุของนางแดงที่จะโอนไปให้จากทางนี้เท่านั้น