ข่าว

เครียดสางคดีฆ่าหมู่5ศพตร.ปัดไม่เกี่ยวยำทหาร

เครียดสางคดีฆ่าหมู่5ศพตร.ปัดไม่เกี่ยวยำทหาร

05 ต.ค. 2552

ตำรวจสระบุรีเครียด สางคดีฆ่าหมู่ 5 ศพ "คำรณวิทย์" อ้างข้อมูลไม่พบเกี่ยวข้องรุมยำทหารในผับ ด้านนายกเทศมนตรี ยอมรับก่อนเกิดเหตุ เหยื่อสังหารขอร้องให้ไปเคลียร์กับสีเขียว ขณะที่ ผบ.ทบ. สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง "สองพันตรี-สองร้อยโท" ถูกทำร้าย โยงการฆ่าโหด ส.ท.สร

 จากกรณีคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงจนมีผู้เสียชีวิต 5 รายในพื้นที่ สภ.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี โดยผู้เสียชีวิตประกอบด้วย นายชวลิต ทิพยเศวต อายุ 42 ปี สมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) เมืองสระบุรี เจ้าของร้านอาหาร ใน อ.เมือง จ.สระบุรี นายปราโมทย์ สานิชวรรณกุล อายุ 43 ปี เสี่ยรถบรรทุก บริษัท อรพรรณขนส่ง จำกัด นายวรพล ชาจิรัสย์ อายุ 50 ปี นายปัญญา มหาแก้ว อายุ 42 ปี เสี่ยรับเหมาก่อสร้าง และนายอารมณ์ อุดมสันต์ อายุ 30 ปี ส.ท.เมืองสระบุรี เจ้าของร้านอาหารไวท์เฮ้าส์ อ.เมือง จ.สระบุรี โดยเหตุเกิดวันที่ 3 ตุลาคม

 ความคืบหน้าการสืบสวนคลี่คลายคดี เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 5 ตุลาคม พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 เดินทางมาประชุมที่ห้องประชุม ภ.จว.สระบุรี โดยมี พล.ต.ต.อุฬาร อเนกบุณย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี พ.ต.อ.อัครวัฒน์ พิพัฒน์โชติกร รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี พ.ต.อ.ทรงฤทธิ์ สุขสมใจ ผกก.สภ.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี  พ.ต.ท.ปรีชา เจียร์สกุล รอง ผกก.(ปป.) พ.ต.ท.จักรกฤช วีระเดช รอง ผกก.(สส.) พ.ต.ท.มนต์ชัย พุ่มพูน สวป.และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม

 พล.ต.ต.คำรณวิทย์ เปิดเผยหลังการประชุมว่า ขณะนี้ได้สอบพยานจาก 4 ปากเป็น 7 ปากแล้ว ชุดสืบสวนยังคงลงพื้นที่หาพยานหลักฐานอยู่ อีกอย่างต้องรอผลพิสูจน์กระสุน และบาดแผลจากผู้ตาย เพื่อประกอบการสอบสวน หากมีหลักฐานแน่ชัดจึงจะขอหมายจับคนร้ายได้ ขณะนี้ยังต้องหาพยานหลักฐานต่างๆ ส่วนที่เชื่อว่าปมมาจากนายทหารถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมตีที่ร้านอาหารไวท์เฮ้าส์นั้น เป็นคนละคดีคนละพื้นที่ ต่างกรรมต่างวาระ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียิงตาย 5 ศพ ที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ

 "ยังไม่พบหลักฐานว่าเป็นใคร แต่ถ้ามีหลักฐานว่าเป็นใคร ก็จะรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับต่อไป" พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กล่าว

 พล.ต.เมธี ธรรมรังสี นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสระบุรี กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุนายอารมณ์เข้ามาคุยบอกว่า มีปัญหากับกลุ่มทหาร ขอให้ไปช่วยประสานเพื่อทำความเข้าใจด้วย ซึ่งก็รับปากไปว่า รอให้นายทหารที่บาดเจ็บหายบาดเจ็บก่อน จะไปพูดคุยปรับความเข้าใจให้

 "ทราบเพียงว่า ส.ท.ที่เสียชีวิต มีเรื่องกับทหารกลุ่มหนึ่งที่มานั่งกินเหล้าที่ร้าน จากนั้นลูกน้องในร้านไปตีกลุ่มนายทหารบาดเจ็บสาหัส หลังจากนั้น ก็มารู้ว่าจะถูกปองร้าย จึงหนีไปกบดานกับเพื่อนๆ ที่บ้านนายปราโมทย์ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทขนส่ง กระทั่งเกิดเหตุร้ายขึ้น" พล.ต.เมธี กล่าว

 รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับนายทหารที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมตีนั้น มียศเป็นพันตรี 1 นาย ระดับรองผู้บังคับการกองพัน และอีก 3 นายเป็นนายร้อย 

 ส่วนที่กองปราบปราม พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป. สั่งการให้ พ.ต.ท.อรรถพล พานประทีป สว.กก.2 บก.ป. พร้อมกำลังเข้าร่วมสนับสนุนการทำงานของตำรวจภูธรภาค 1 เพื่อร่วมคลี่คลายคดี และติดตามหาตัวคนร้าย ซึ่งในวันเดียวกันชุดสืบสวนทั้งหมดได้เข้าร่วมประชุม เพื่อประมวลความคืบหน้า และวางแนวทางในการทำงานสางปมสังหารครั้งนี้

 ทั้งนี้มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังมุ่งเน้นการสอบสวนในประเด็นการทะเลาะวิวาทระหว่างกลุ่มผู้ตายกับกลุ่มคนมีสีเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ยังไม่ตัดประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้องทิ้งไป จึงมีการตรวจสอบไปยัง สภ.เมืองสระบุรี เพิ่มเติมว่า นอกจากคดีที่นายอารมณ์ อุดมสันต์ อายุ 27 ปี เจ้าของร้านอาหารไวท์เฮ้าส์ และ ส.ท.เมืองสระบุรี หนึ่งในผู้เสียชีวิต ถูกหมายจับในข้อหาใช้จ้างวาน และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นแล้ว กลุ่มผู้ตายยังมีคดีอื่นๆ อีกหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามตรวจสอบในทุกๆ ประเด็นแต่เท่าที่ตรวจสอบในขณะนี้ก็พบว่า ยังมีเพียงแค่คดีร่วมกันทำร้ายร่างกายคู่กรณีเพียงคดีเดียวเท่านั้นที่มีน้ำหนักพอให้เชื่อว่าจะเป็นสาเหตุที่ถูกสังหารหมู่

 ส่วนการตรวจสอบ และสอบสวนในจุดที่เกิดเหตุ ยังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบอาวุธปืนที่ตกอยู่ในเกิดเหตุ ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 3 กระบอก คือ อาวุธปืนพกสั้นขนาด .38, 9 มม. และ 11 มม. โดยเบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาวุธปืนทั้งสามกระบอกนั้นเป็นของกลุ่มผู้ตาย ส่วนหัวกระสุนปืนที่พบตามศพต่างๆ นั้นก็มีอยู่ด้วยกันสองขนาดคือ .38 และ 11 มม. แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นลูกกระสุนที่มาจากปืนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุหรือไม่ นอกจากนี้ยังต้องรอผลตรวจสอบจากแพทย์นิติเวชในเรื่องบาดแผล วิถีกระสุน และช่วงระเวลาการตาย รวมทั้งประเด็นที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่า อาจจะมีการทำร้ายร่างกายกลุ่มผู้ตายก่อนจะถูกยิง

 ขณะที่การสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพยานแวดล้อมที่เกิดเหตุนั้น จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบพยานแต่อย่างใด เนื่องจากบ้านที่เกิดเหตุนั้น ตั้งอยู่ห่างจากบ้านของผู้อื่น และอยู่ในพื้นที่เปลี่ยวห่างไกลผู้คน จึงทำให้หาพยานแวดล้อมยาก และมีความเป็นไปได้ว่า คดีนี้มีกลุ่มอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาให้ปากคำเป็นพยานก็เป็นได้

 ด้านกองทัพบกสั่งการให้หน่วยงานต้นสังกัดตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีนายทหารยศพันตรี มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีสังหารหมู่ 5 ศพครั้งนี้ ว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้สั่งการให้ตรวจสอบกับผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นใคร หรือเป็นกำลังพลคนใดของกองทัพบก หากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบว่ามีการดำเนินการสิ่งใดที่เกี่ยวข้อง สามารถดำเนินคดีได้ตามกฎหมาย และหากตำรวจขอความช่วยเหลือมา กองทัพบกพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องการสอบสวนเป็นเรื่องของตำรวจ ทางกองทัพรับฟังเพียงการร้องขอจากตำรวจ

 “ผบ.ทบ.สั่งการให้ ผบ.จทบ.สระบุรี และหน่วยต้นสังกัดของทหารที่ถูกทำร้ายร่างกายติดตามเรื่องนี้ไปรวบรวมรายละเอียดข้อเท็จจริงในคดีที่ถูกแจ้งความ หากตำรวจร้องขออะไรให้ดำเนินการไปตามนั้น ส่วนจะเกี่ยวพันกับคดีสังหารสมาชิกสภาเทศบาลหรือไม่ เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการสืบสวนสอบสวน ทั้งนี้ ในนโยบาย ผบ.ทบ.ย้ำว่า หากใครทำผิดและมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ทางหน่วยต้องดำเนินการ และต้องให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างเต็มที่” รองโฆษกกองทัพบก กล่าว

 รายงานข่าวจากจังหวัดทหารบกสระบุรี เปิดเผยว่า ในช่วงวันเกิดเหตุ มีนายทหารยศพันตรี 2 นาย และยศร้อยโทอีก 2 นาย ไปนั่งรับประทานอาหารอยู่ภายในร้านไวน์เฮ้าส์ ในพื้นที่ จ.สระบุรี แต่ช่วงที่มีการชกต่อยกันภายในร้านไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่นายทหารยศพันตรี และนายทหารยศร้อยโท ถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้ง 4 นาย โดยทั้ง 4 นาย ประกอบด้วย รองผู้บังคับการกองพันทหารม้าที่ 24 (รองผบ.ม.พัน.24) นายทหารยุทธการและการฝึกกรมทหารม้าที่ 5 ซึ่งนายทหารทั้งสองมียศเป็นพันตรี ส่วนยศร้อยโทอีก 2 คน คือผู้บังคับกองร้อยทหารม้าที่ 23 และอีก 1 คน เป็นนายทหารติดตามผู้ใหญ่

 รายงานข่าวเปิดเผยด้วยว่า หลังจากที่นายทหารยศพันตรี 2 นาย และนายทหารยศร้อยโทอีก 2 นาย ถูกทำร้ายร่างกายจนเจ็บปางตาย ทราบภายหลังว่าเป็นฝีมือของกลุ่มผู้เสียชีวิต โดยกลุ่มเพื่อน ส.ท.สระบุรี ได้ให้ พล.ต.เมธี ธรรมรังสี นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสระบุรี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง ช่วยเคลียร์ปัญหาดังกล่าว โดยเบื้องต้น พล.ต.เมธี ได้ตกลงจ่ายค่าเสียหายพร้อมค่ารักษาพยาบาลให้นายทหารยศพันตรี พร้อมพวกเป็นเงิน 1 ล้านบาท แต่กลับถูกปฏิเสธการรับเงินดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบว่าการเสียชีวิตของทั้ง 5 คน จะเชื่อมโยงกันหรือไม่ ซึ่งต้องรอผลการสอบสวนอีกครั้ง