ข่าว

“Battle of Warrior”

“Battle of Warrior”

05 ก.พ. 2561

  “ไทยลีก 2018” ลีกหมื่นล้าน!

 โหมโรงฟุตบอล “โตโยต้า ไทยลีก ฤดูกาล 2018” ก่อนวันเปิดฤดูกาลอย่างเป็นทางการ การกีฬาแห่งประเทศไทย, สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, บริษัท ไทยลีก จำกัด ร่วมกับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จํากัด ประกาศความพร้อมในงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการที่ห้องประชุมชั้น 24 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หัวหมาก เมื่อวันที่5 ก.พ.ภายใต้สโลแกน “Battle of Warrior” 

การต่อสู้ของเหล่านักรบครั้งใหม่กำลังระเบิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ เป็นต้นไป โดย 18 ขุนพลจากสโมสรไทยลีก 2018 เตรียมเปิดศึกแย่งความเป็นหนึ่ง ได้แก่   “เจนรบ สำเภาดี” กัปตันทีมชาติไทยยู 23 จากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด, “ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์” กองกลางเจ้าของค่าตัว 30 ล้าน จากบางกอกกล๊าส เอฟซี, ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กองกลางค่าตัวแพงที่สุดในไทยลีก จากสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด, “มงคล ทศไกร” นักเตะทีมชาติไทยชุดใหญ่ จากโปลิศ เทโร เอฟซี, “ศรายุธ สมพิมพ์”ปราการหลังจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, “แอนโธนี อำไพพิทักษ์วงศ์” กัปตันทีมตัวเก่งจากทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด, กีรติ เขียวสมบัติ กองหน้าจอมเก๋าจากนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี, “อนาวิน จูจีน” แข้งจอมเก๋าจากสุพรรณบุรี เอฟซี, “ดาบิด โรเชลา” ปราการหลังจอมแกร่งจากการท่าเรือ เอฟซี, “นัสตพล มาลาพันธ์” กองหลังจากชลบุรี เอฟซี, “อี วอน ยัง” แข้งโสมจากพัทยา ยูไนเต็ด, “อดุลย์ หมื่นสมาน” กัปตันทีมพีที ประจวบ เอฟซี น้องใหม่ไทยลีก, “มนตรี พรหมสวัสดิ์” ปีกขวาทีมชาติไทยชุดยู 23  จากราชบุรี มิตรผล เอฟซี, “ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์” กองหลังจอมเก๋าจากราชนาวี เอฟซี, “ยุทธพงษ์ ศรีละคร” จากสุโขทัย เอฟซี, “โชตินันท์ ธีรภัทรพงศ์” จากน้องใหม่ชัยนาท ฮอร์นบิล, "ธนา ศรีพันดร" แนวรับตัวเก๋าจากแอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี และ “วัชระ เกรียรัมย์” จากสโมสรอุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด 

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ฟุตบอลลีกไทยในปีนี้จะเป็นฤดูกาลที่น่าตื่นเต้น สมาคมกีฬาฟุตบอลต้องการยกระดับฟุตบอลลีกอาชีพของไทยให้มีมาตรฐานสูงขึ้นในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะเกมการแข่งขันที่ใสสะอาด ทุกทีมสู้กันด้วยความสามารถของนักกีฬาอย่างมีสปิริต ซึ่งเรายังคงจับตาและเฝ้าระวังขบวนการล็อกผลสกอร์อย่างต่อเนื่อง”

“ฤดูกาลนี้จะเป็นครั้งแรกที่จะได้นำเทคโนโลยี VAR (Video Assistant Referee) มาใช้เพื่อช่วยในการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน หลังจากเกมแรกที่ได้เห็นกันแล้วในเกมออมสิน ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์คัพ ที่ผ่านมา  โดยจะมีการใช้ VAR อีกครั้งในเกมโตโยต้า ไทยลีก วันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ ระหว่าง  ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด พบ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ทรู สเตเดี้ยม”

"สำหรับการเปลี่ยนแปลงโควตานักเตะสัญชาติอาเซียนวันนี้หลายๆ ทีมมีแฟนบอลเพิ่มขึ้นจากการดึงนักเตะจากเพื่อนบ้านมาร่วมทีมทั้ง สิงคโปร์, เมียนมาร์, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เป็นต้น ผมมั่นใจว่าเรามาถูกทางแล้วในการเป็นศูนย์กลางอาเซียน”

เรื่องของเงินสนับสนุนทีมนั้นทั้ง 18 สโมสรในโตโยต้า ไทยลีก จะได้รับสโมสรละ 20 ล้านบาท บวกกับเงินสำหรับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสโมสรตามโครงการ FA Development Program อีก 5 ล้านบาท ในขณะที่ทีมแชมป์ไทยลีกจะได้เงินรางวัล 10,000,000 บาท รองแชมป์  3,000,000 บาท, อันดับสาม 1,500,000 บาท อันดับสี่ 800,000 บาท, อันดับห้า 700,000 บาท, อันดับหก 600,000 บาท, อันดับเจ็ด 500,000 บาท และอันดับแปด 400,000 บาท

“บิ๊กอ๊อด” กล่าวอีกว่า โลกปัจจุบันนั้นเปลี่ยนไปจากการชมฟุตบอลทางทีวี เป็นออนไลน์ ฝ่ายต่างประเทศของสมาคมกำลังนำรูปแบบของชาติต่างๆ อาทิ ญี่ปุ่น, มาเลเซีย มาปรับใช้  เราหวังว่าสิ่งที่เราทำจะเป็นแนวทางที่ถูกต้อง ผมพยายามหารายได้เข้าสมาคมเพื่อกลับไปสู่สโมสรและพัฒนาฟุตบอลไทยให้เทียบชั้นเอเชียให้ได้

“สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ ทุกท่านต่างมีส่วนในการตัดสินใจในการทำให้วงการฟุตบอลไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียนให้ได้ นับตั้งแต่สมาคมได้ดำเนินการแก้ไขเรื่องล็อกผลการแข่งขันก็เป็นที่ประจักษ์และยอมรับจากทั่วโลก โดยเฉพาะฟีฟ่าที่ชมเชยเป็นอย่างยิ่ง ประเทศต่างๆ ในเอเชียและอาเซียนก็เดินตามเรา นานาชาติมองว่าประเทศไทยพยายามแก้ไขปัญหา และไทยลีกน่าจะบริสุทธิ์ ยุติธรรมมากขึ้น" 

“ปัจจุบันนักเตะอาเซียนมาค้าแข้งในเมืองไทยมาขึ้น อาทิ  โปลิศ เทโร เอฟซี ที่คว้าตัว อ่อง ธู ของเมียนมาร์ น่าจะทำให้ชาวเมียนมาร์ติดตามไทยลีกมากยิ่งขึ้น ของที่ระลึกก็จะขายได้มากขึ้น และหากมีทีมหรือสโมสรในประเทศเพื่อนบ้านมาค้าแข้งที่ไทยมากขึ้น อาเซียนที่มีจำนวนประชากร 600 ล้านคน ถ้าทำให้สนใจติดตามฟุตบอลไทย มูลค่าลีกของไทยก็จะสูงขึ้น  ดูอย่างพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่มีนักเตะค่าตัวแพงมากมาย ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ผมเองก็ตั้งใจที่จะทำให้มูลค่าในลีกที่ปกติตกปีละ 1,000 ล้าน เราตั้งใจที่จะยกระดับเป็น 10,000 ล้านบาท  ฟุตบอลไทยจะเดินหน้าไปได้เองได้โดยไม่ต้องพึ่งภาครัฐหรือเอกชน นี่คือสิ่งที่เราคิดก็ขอฝากไว้ด้วย หากใครมาทำงานแทนที่ผมก็อยากให้สานต่อโปรเจกท์นี้ต่อไปด้วย”