ข่าว

ย้อนรอยยอดหัวหอกกาฬทวีปของ “อาร์เซนอล”

ย้อนรอยยอดหัวหอกกาฬทวีปของ “อาร์เซนอล”

01 ก.พ. 2561

ก่อนที่ "“ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง" จะมาอาร์เซนอลเคยมีกองหน้าที่าจากทวีปแอฟริกามาแล้วางคนฝากผลงานไว้ได้จนเป็นที่จดจำ แต่บางคนเรียกได้ว่าล้มเหลวเลยก็มี

ก่อนปิดตลาดซื้อขายนักเตะในเดือนมกราคม ข่าวล่าสุดของอีกหนึ่งทีมดังอย่างอาร์เซนอลคงหนีไม่พ้นการพยายามคว้าตัว “ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง” ศูนย์หน้าทีมชาติกาบองมาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรในบุนเดสลีกา เยอรมนี

โดยทีมปืนใหญ่นั้นต้องการผู้เล่นตัวรุกแดนหน้ามาทดแทนการเสีย “อเล็กซิส ซานเชซ” ดาวเตะชิลีที่ย้ายไปแมนฯยูไนเต็ด สำหรับรายละเอียดเงื่อนไขการซื้อตัวของโอบาเมยอง คาดการณ์กันว่าค่าตัวจะอยู่ที่ประมาณ 60 ล้านยูโร (2,700 ล้านบาท)

อย่างไรก็ตามไม่ว่าอาร์เซนอล จะได้ตัวของโอบาเมยองมาร่วมทีมหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาในอาร์เซนอลในยุคของอาร์แซน เวนเกอร์ ถือว่ามีนักเตะในตำแหน่งศูนย์หน้าที่มาจากทวีปแอฟริกามาเล่นมากมาย บางคนฝากผลงานไว้ได้จนเป็นที่จดจำ แต่บางคนเรียกได้ว่าล้มเหลวเลยก็มี

 

คริสโตเฟอร์ เรห์

ในยุคที่จอร์จ เวอาห์ กำลังโด่งดังเป็นพลุแตกทำให้ทั่วโลกรู้จักประเทศไลบีเรีย จึงถูกคาดหวังว่าชาติเล็กๆในแอฟริกาแห่งนี้อาจจะมีสุดยอดนักเตะที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาสุดยอดได้ไม่แพ้เวอาห์ ซึ่ง“คริสโตเฟอร์ เรห์” คือความหวังที่ว่านี้

ฤดูกาล 1997-98 ซีซั่นที่สองของอาร์แซน เวนเกอร์ในการคุมทีมอาร์เซนอล ถูกจับตาเป็นอย่างมากหลังจากประสบความสำเร็จในการซื้อผู้เล่นโนเนมอย่าง นิโกล่าส์ อเนลก้าและปาทริค วิเอร่า เข้ามาแต่ผลงานกลับดีเหลือเชื่อ ฤดูกาลดังกล่าวจึงทำการดึงตัว “เรห์” มาจากโมนาโกด้วยค่าตัว 3 แสนปอนด์

แม้ว่าในซีซั่นนี้ทีมปืนใหญ่จะสามารถเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษได้ในรอบ 7 ปี แต่เจ้าตัวทำได้แค่ 3 ประตูจากการลงเล่น 16 นัดเท่านั้น อีกทั้งการมาของสองนักเตะจากฝรั่งเศสคือ เธียร์รี่ อองรี และ ซิลแวง วิลตอร์ ในปี 2000 ทำให้ เรห์ ต้องถูกขายออกไป ซึ่งเส้นทางชีวิตนักฟุตบอลของเจ้าตัวหลังออกจากอาร์เซนอล ก็กลายเป็นนักเตะพเนจรเต็มตัว เล่นให้กับสโมสรต่างๆเป็น 10 ทีม โดยฝากผลงานที่เหล่า เดอะ กันเนอร์ส แทบไม่อยากจดจำไว้ที่ 3 ประตู จาก 28 นัดกับสโมสร

 

เอ็นวานโก้ คานู

เวนเกอร์ ถูกวิจารณ์พอสมควรหลังจากไปคว้าตัวคานูมาจากอินเตอร์ มิลานด้วยค่าตัว 4.5 ล้านปอนด์ในเดือนม.ค. 1999 เนื่องจากดาวเตะทีมชาติไนจีเรียแม้จะเคยถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดดาวรุ่งของวงการฟุตบอลโลก ตั้งแต่สมัยค้าแข้งกับอาแจ็กซ์ อีกทั้งพาทีมชาติไนจีเรียคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 1996 แต่ในช่วงที่เล่นกับอินเตอร์ เขาเคยถูกตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจทำให้ต้องพักแข้งไปนานเกือบปีกว่าจะกลับมาเล่นได้อีกครั้ง ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นใจต่อตัวคานูว่าจะกลับมาเล่นได้สุดยอดเหมือนเดิมหรือเปล่า

แต่ที่ อาร์เซนอล เปรียบเสมือนสถานที่ชุบชีวิตให้คานูกลายเป็นยอดนักเตะอีกครั้ง โดยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพกับทีมสองสมัย แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ยิงประตูถล่มทลาย ทว่าแต่ละประตูที่คานูทำได้แสดงให้เห็นถึงทักษะที่เหนือชั้นเป็นที่น่าจดจำของทั้งแฟนบอลอาร์เซนอลและแฟนบอลทั่วโลก

 

เอ็มมานูเอล อเดบายอร์

หลังจากคานูจากไป “อเดบายอร์” น่าจะเป็นศูนย์หน้าแอฟริกันคนสุดท้ายที่มีผลงานดีที่สุดของอาร์เซนอล อีกทั้งมีฉายาก่อนมาว่า “เบบี้คานู” อีกต่างหาก โดยศูนย์หน้าชาวโตโกย้ายจากโมนาโกในปี 2006 ด้วยค่าตัว 4.5 ล้านปอนด์

แม้ว่าจะไม่ได้แชมป์ใดๆกับอาร์เซนอล แต่ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่และมีทักษะเป็นเลิศจึงทำได้ถึง 42 ประตูจาก 104 นัด ตลอด 4 ฤดูกาล ก่อนที่จะมีปัญหากับทีมโดยให้สัมภาษณ์ว่า “ผมเล่นฟุตบอลอาชีพเพื่อเงิน และพร้อมจะย้ายออกจากทีมหากได้รับข้อเสนอที่น่าท้าทาย” ทำให้แฟนบอลไม่พอใจเป็นอย่างมาก สุดท้ายเจ้าตัวได้ย้ายทีมสมใจ ด้วยการเซ็นสัญญาห้าปีกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ ท่ามกลางเสียงก่นด่าของแฟนบอลอาร์เซนอล

 

มารูยาน ชามัคห์

“ชามัคห์” ย้ายจากบอร์กโดซ์มาอาร์เซนอลแบบไม่มีค่าตัวในปี 2010 โดยเวนเกอร์คาดหวังต่อดาวเตะทีมชาติโมร็อกโกไว้พอสมควร ด้วยดีกรีที่เคยพาบอร์กโดซ์เป็นแชมป์ลีกเอิงมาแล้ว

แต่ชีวิตในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม กลายเป็นฝันร้ายของเจ้าตัวอย่างแท้จริง ปัญหาอาการบาดเจ็บที่รบกวนทำให้ไม่ได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งสไตล์การเล่นก็ดูเหมือนแทบจะไม่มีจุดเด่นอะไรเลย ตลอดสองซีซั่นเศษๆกับอาร์เซนอลทำได้เพียง 14 ประตูจาก 67 นัด เท่านั้น

อาร์เซนอล เป็นทีมที่ไม่เคยขาดศูนย์หน้าชั้นดี อีกทั้งนักเตะแอฟริกันก็ค่อนข้างถูกโฉลกกับทีมปืนใหญ่เสียด้วย ไม่เฉพาะกองหน้าเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายตำแหน่งที่ดึงตัวมาแล้วผลงานดี ดังนั้นหากอาร์เซนอลมีการทุ่มเงินก้อนโตซื้อศูนย์หน้าตัวใหม่ก่อนปิดตลาดจริง นี่อาจเป็นการเดิมพันครั้งสุดท้ายของเวนเกอร์ในตำแหน่งกุนซือก็เป็นได้