
ชาวบ้านเขาไม้แก้วฟิวส์ขาดอัดยับเมืองพัทยาเหยียบย่ำ !!
นายก อบต.เขาไม้แก้ว อัดเมืองพัทยาสร้างปัญหา เข้าข่าย "เหยียบย่ำ" ไม่ให้เกียรติ ชาวบ้านในพื้นที่บอบช้ำมานานจากปัญหาขยะตกค้างกว่า 120 ตัน
24 ม.ค. 61 จากกรณีที่มีชาวบ้านในพื้นที่ตำบลเขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ร้องเรียนว่า ปัจจุบันมีปัญหาขยะติดเชื้อตกค้างจากโรงพยาบาลและสถานพยาบาลในพื้นที่เมืองพัทยาและใกล้เคียง ที่เมืองพัทยาได้ขนมาพักไว้ในโรงกำจัดขยะในพื้นที่ ม.4 ต.เขาไม้แก้ว นานกว่า 1 เดือน เพื่อรอนำไปกำจัด จนมีปริมาณขยะติดเชื้อสะสมกว่า 120 ตัน ซึ่งกรณีดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนรำคาญและส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างมาก เนื่องจากขยะเหล่านี้ซึ่งเป็นขยะติดเชื้อไม่มีระบบบริหารจัดการที่ดี ทำให้เกิดมลพิษทางกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง อีกทั้งยังมีน้ำเน่าเสียไหลออกจากกองขยะลงสู่แหล่งน้ำ ทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก ซึ่งเบื้องต้นทาง อบต.เขาไม้แก้ว ได้ประสานทางอำเภอบางละมุงและเมืองพัทยา เพื่อขอให้หยุดการนำขยะเข้ามาพักในพื้นที่ และเร่งขนถ่ายขยะทั้งหมดออกไป โดยมีแผนจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้รับสัมปทาน หากนำขยะมาทิ้งโดยไม่ได้รับอนุญาต
ล่าสุด ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลเขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นายจำเนียร กีทีปกูล นายก อบต.เขาไม้แก้ว เรียกประชุมด่วนถึงกรณีที่เกิดขึ้น โดยมีนายสุธีร์ ทับหนองฮี ผอ.สำนักสิ่งแวดล้อมเมืองพัทยา ว่าที่พันตรี ชาติชาย ศรีโพธิ์อ่อน ปลัดอาวุโสอำเภอบางละมุง ตัวแทนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ภาคเอกชนผู้รับเหมาการจัดเก็บและกำจัดขยะติดเชื้อเมืองพัทยา รวมทั้งผู้นำชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ตำบลเขาไม้แก้วเข้าร่วม
นายจำเนียร ระบุว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านได้ปิดกั้นพื้นที่เพื่อไม่ให้เมืองพัทยาขนถ่ายขยะมาฝังกลบในที่ดิน 140 ไร่ ต.เขาไม้แก้ว มานานแล้ว เนื่องจากมีปัญหาขยะล้นนับแสนตัน และสร้างปัญหามลพิษรุนแรง แต่ก็ยังมีข้อตกลงให้นำขยะติดเชื้อจากโรงพยาบาลและสถานพยาบาลในพื้นที่เมืองพัทยาและใกล้เคียง มาพักที่เตาเผาขยะติดเชื้อเดิม ซึ่งมีความเสื่อมโทรมและไม่สามารถใช้การได้แล้ว วันละ 900 กก.ถึง 1 ตัน เพื่อรอขนไปกำจัดอีกครั้งที่จังหวัดนนทบุรีตามขั้นตอน แต่ปรากฏว่า ช่วง 1 เดือนหลังมานี้ กลับมีแต่การขนขยะติดเชื้อมากองพักไว้โดยไม่ขนไปกำจัด ทำให้เกิดปัญหาขยะติดเชื้อตกค้างกว่า 120 ตัน ซึ่งสร้างปัญหาความเดือดร้อน มลพิษที่รุนแรง และความหวาดวิตกให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก จึงขอให้เมืองพัทยาเร่งแก้ไขด่วน ไม่ใช่ส่งคนรับผิดชอบที่ไม่มีอำนาจตัดสินใจมาพูดคุยกับชาวบ้าน ซึ่งดีแต่รับปากว่าจะไปหารือผู้บริหาร แต่สุดท้ายปัญหาก็ยังเกิดขึ้นซ้ำซากอีกจนชาวบ้านทนแบกรับความเดือดร้อนไม่ไหวแล้ว ซึ่งการทำแบบนี้เรียกว่า “การเหยียบย่ำกัน” และถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติคนเขาไม้แก้วแต่อย่างใด แล้วยังมีหน้าจะเชิญไปดูงานโรงงานเตาเผาขยะที่ กทม. ซึ่งมองว่าสมควรจะให้ความร่วมมือหรือไม่
ขณะที่ปัจจุบันจากการสำรวจและร้องเรียนของชาวบ้าน พบว่า มีผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยที่ระบุว่าเกิดจากมลพิษของขยะจำนวนกว่า 11 ราย ป่วยเป็นโรคทางผิวหนัง ทางเดินหายใจ และมะเร็ง ซึ่งแม้จะไม่สามารถระบุสาเหตุหลักได้ แต่เมืองพัทยาก็ต้องเข้ามาเยียวยาหรือดูแลอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการตรวจสอบคุณภาพแหล่งน้ำด้วยว่ามีการปนเปื้อนของมลพิษจากขยะติดเชื้อหรือไม่ เพราะเขตตำบลเขาไม้แก้วมีโครงการประปาหมู่บ้านที่แจกจ่ายไปกว่า 100 ครัวเรือน ซึ่งอาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากกรณีดังกล่าว
นายจำเนียร กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น เมืองพัทยาต้องแก้ไขปัญหาเร่งด่วน จำนวน 5 ข้อ ได้แก่ 1. เร่งฉีดพ่นสารเคมีที่กองขยะติดเชื้อเพื่อฆ่าเชื้อและกำจัดกลิ่น 2. ทำการเก็บขนให้แล้วเสร็จทั้ง 120 ตัน ในระยะเวลา 20 วัน หรือ ประมาณวันละ 6 - 7 ตัน 3. ทุกขั้นตอนต้องดำเนินการตามกฎหมาย พ.ร.บ.สาธารณสุข และต้องได้รับอนุญาตจากท้องถิ่นเท่านั้น 4. ทำการตรวจสอบคุณภาพน้ำบริเวณจุดพักขยะและแหล่งน้ำใกล้เคียง และ 5. ต้องทำการตรวจรักษา และเยียวยาผู้ป่วยจากกรณีปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะที่การขนถ่ายขยะติดเชื้อของใหม่ประมาณวันละ 1 ตัน เข้ามาเพิ่มเติมเพื่อพักก่อนนำไปกำจัดนั้น จากนี้ทางท้องถิ่นจะไม่มีการอนุญาต ซึ่งหากจะดำเนินการต้องผ่านการประชาพิจารณ์จากประชาชนก่อน ซึ่งหากยังดื้อดึงก็จะแจ้งดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะที่ตัวแทนชาวบ้าน ระบุว่า ที่ผ่านมาเมืองพัทยาสร้างความบอบช้ำให้กับชาวบ้านเขาไม้แก้วเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่เคยมาดูแลหรือเยียวยาอะไรจนปัญหาลุกลามใหญ่ โดยจะเห็นได้จากที่ผ่านมามีคนป่วย และเสียชีวิตจากโรคปอดและโรคมะเร็งเป็นจำนวนมาก ขณะที่แนวโน้มผู้ป่วยก็มีจำนวนสูงขึ้นต่อเนื่อง จนทุกคนอยากจะย้ายออกจากพื้นที่ แต่ติดที่ปัญหาความยากจน จึงต้องทนกันต่อไป ขณะที่ปัญหาขยะติดเชื้อก็ไม่แก้ไข ปล่อยให้มีการตกค้าง กระทั่งชาวบ้านไปพบเห็นและได้รับผลกระทบจนเกิดการร้องเรียนขึ้น
นายสุธีร์ กล่าวชี้แจงว่า ปัญหาขยะตกค้างที่เกิดขึ้นเป็นผลกระทบมาจากเรื่องของการจัดซื้อ-จัดจ้างตามโครงสร้างใหม่ หลังภาคเอกชนผู้เก็บขนและกำจัดหมดสัญญาลงไป จึงทำให้การว่าจ้างภาคเอกชนรายใหม่ล่าช้า ส่งผลให้เกิดปัญหาขยะติดเชื้อตกค้าง ซึ่งปัญหาลักษณะนี้เกิดขึ้นกับ อปท.เกือบทุกแห่ง แต่เมืองพัทยาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามหาแนวทางแก้ไขเต็มที่ กระทั่งเซ็นว่าจ้าง บริษัท “ไทย เอนวายรอนเมนต์” มาเก็บขน และจ้าง บริษัท “มิสไนติงเกล เฮลแคร์” ในสัญญา 1 ปี เพื่อกำจัด โดยกำหนดขอบเขตงานให้ขนไปกำจัดที่เตาเผาในพื้นที่ของ จ.นครสวรรค์ แทนที่เดิม จ.นนทบุรี เนื่องจากได้รับแจ้งว่าปริมาณขยะติดเชื้อที่นนทบุรีนั้นเกินความสามารถในการกำจัดไปแล้ว
จากการหารือกับทางภาคเอกชน ก็จะได้เร่งรัดให้เข้ามาดำเนินภายในวันนี้ หลังจากที่ทางท้องถิ่นได้ลงนามอนุมัติให้ จากนั้นก็จะได้ดำเนินการในส่วนที่เรียกร้เอง ได้แก่ การตรวจรักษา และการตรวจคุณภาพน้ำ ขณะที่การเยียวยาผู้ป่วย และการขอยกเลิกการนำขยะติดเชื้อมาพักนั้น คงจะมีการหารือกับผู้บริหารเมืองพัทยาเพื่อพิจารณาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายของการประชุม ได้มีผลสรุปที่จะให้เมืองพัทยาเชิญตัวแทนผู้มีอำนาจตัดสินใจ เข้าพบปะเจรจากับเทศบาลและชาวบ้านอีกครั้งอย่างเร่งด่วน เพื่อรับฟังปัญหารวมทั้งลงนามความร่วมมืออย่างจริงจัง เพื่อลดปัญหาในอนาคต