
ย้อนรอยแข้งผีเบอร์เจ็ดไม่เด็ดจริง
“อเล็กซิส ซานเชซ” นักเตะหมายเลข 7 คนใหม่ของทีมปีศาจแดงจะสามารถส้างผลงานได้เหมือนกับตำนานเจ้าของหมายเลขเดิมที่ผ่านมาได้หรือไม่? หรือจะล้มเหลวเหมือนกับอีกหลายคน
เป็นที่แน่นอนแล้วสำหรับกรณีการย้ายทีมของ “อเล็กซิส ซานเชซ” ดาวเตะทีมชาติชิลีที่ย้ายจากอาร์เซนอลมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่แข่งในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
รายละเอียดของการย้ายทีมนั้นทีมปีศาจแดงทำการส่ง “เฮนริค มคิทาร์ยาน” กองกลางชาวอาร์เมเนียไปให้อาร์เซน่อลเป็นข้อแลกเปลี่ยน ซึ่งเชื่อกันว่าอดีตแข้ง บาร์เซโลน่าจะได้รับค่าเหนื่อยถึง 500,000 ปอนด์ (ประมาณ 22 ล้านบาท)ต่อสัปดาห์ ทำให้อเล็กซิส กลายเป็นนักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดในพรีเมียร์ลีกทันที
แต่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือเบอร์เสื้อของอเล็กซิสที่จะได้สวมเสื้อหมาย 7 ของทีม ซึ่งเป็นเบอร์ระดับตำนานต้องเป็นผู้เล่นที่มีคุณค่าและพิเศษจริงๆถึงจะได้ใส่หมายเลขดังกล่าว
ที่ผ่านมาเคยมีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตำนานเสื้อหมายเลข 7 ของแมนฯยูไนเต็ดเอาไว้มากมาย หากนับเฉพาะที่ทางฝ่ายจัดการแข่งขันฟุตบอลอังกฤษให้มีการระบุหมายเลขประจำของผู้เล่นแต่ละคนตั้งแต่ฤดูกาล 1992-93 ตำนานเบอร์ดังกล่าวของทีมปีศาจแดงก็มีตั้งแต่ เอริค คันโตน่า,เดวิด เบ็คแฮม และคริสเตียโน โรนัลโด
แต่ก็มีนักเตะอีกจำนวนไม่น้อยในเสื้อเบอร์ 7 ที่ผลงานไม่เป็นดังที่แฟนบอลคาดหวังหรือแม้กระทั่งล้มเหลวไปเลยก็มี
ไมเคิล โอเว่น
อดีตดาวเตะลิเวอร์พูลหมดสัญญากับต้นสังกัดเดิมคือนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ก่อนที่จะย้ายมาร่วมทีมปีศาจแดงในฤดูกาล 2009-10 โดยยอมลดค่าเหนื่อยตัวเองลงเหลือเพียงแค่ 5 หมื่นปอนด์ต่อสัปดาห์เท่านั้น
เจ้าของฉายา “เบบี้โกล” เป็นที่ชื่นชอบของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นทุนเดิม จึงมอบหมายเลข 7 ให้ อีกทั้งเจ้าตัวก็หวังว่าการสร้างผลงานให้ทีมใหญ่จะสามารถติดทีมชาติอังกฤษ ไปเล่นฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย
แต่ด้วยสภาพร่างกายของโอเว่นที่บาดเจ็บเรื้อรังมานาน ทำให้ความเร็วที่เคยเป็นจุดเด่นหดหายไปเยอะ แม้ว่าจะมีจังหวะการยิงประตูที่เฉียบคมอยู่ แต่ก็ไม่ดีพอที่จะยึดตำแหน่งตัวจริงของทีม บทบาทส่วนใหญ่จึงอยู่ในฐานะอะไหล่สำรองเท่านั้น
โอเว่นปซึ่งคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและลีกคัพอย่างละสมัย ทำได้ 17 ประตูจากการลงเล่น 52 นัด ถูกจดจำแค่ว่าเป็นอดีตผู้เล่นลิเวอร์พูลที่มาคว้าแชมป์ลีกกับแมนฯยูไนเต็ดเสียมากกว่าคุณค่าในฐานะผู้เลนหมายเลข 7
อันโตนิโอ วาเลนเซีย
ปีกทีมชาติเอกวาดอร์ ถือเป็นนักเตะที่มีผลงานยอดเยี่ยมคงเส้นคงวามาโดยตลอด จนเมื่อเบอร์เสื้อหมายเลข 7 ว่างลงจากการย้ายทีมของไมเคิล โอเว่น ในฤดูกาล 2012-13 เจ้าตัวได้รับเกียรติให้สวมหมายเลขดังกล่าวแทนเบอร์ 25 ที่เขาสวมใส่อยู่เดิม
ด้วยบุคลิกของวาเลนเซียที่เป็นคนเงียบขรึม ไม่ใช่ลักษณะของซูเปอร์สตาร์ลูกหนัง การสวมหมายเลข 7 จึงเป็นแรงกดดันอย่างมหาศาล ส่งผลให้ฟอร์มเจ้าตัวดิ่งลงเหวอย่างไม่น่าเชื่อ จนกระทั่งในฤดูกาลถัดมาต้องขอเปลี่ยนกลับมาใส่เบอร์ 25 อีกครั้ง
“เบอร์ 25 คือเบอร์ที่ผมสวมเป็นเบอร์แรกเมื่อมาร่วมทีม ผมจึงคิดว่าทำไมไม่เปลี่ยนกลับไปใส่เบอร์เดิม ไม่มีเหตุผลด้านลบว่าทำไมถึงเปลี่ยน” วาเลนเซียกล่าว
ปัจจุบัน วาเลนเซีย กับหมายเลข 25 ยังคงเป็นกำลังหลักของทีมปีศาจแดง แม้บทบาทจะถูกปรับจากปีกมาเล่นแบ็กแต่ฟอร์มก็ยังยอดเยี่ยม อีกทั้งยังถูกรับเลือกให้เป็นกัปตันทีมมาแล้วหลายเกม
อังเคล ดิ มาเรีย
สตาร์ทีมชาติอาร์เจนตินา ย้ายจากเรอัล มาดริดมาแมนฯยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวเป็นสถิติของสโมสรเฉียด 60 ล้านปอนด์ในฤดูกาล 2014-15 ด้วยความคาดหวังจากทั้งทีมสตาฟฟ์และแฟนบอล เพราะ ดิ มาเรีย ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักเตะระดับเวิลด์คลาส ควรค่าแก่เสื้อหมายเลข 7 ของทีม
เจ้าตัวทำได้ยอดเยี่ยมมากในช่วงเริ่มต้นระยะแรกๆกับทีม ทั้งการทำประตูและการจ่ายบอล แต่พอผ่านไปสักระยะความยอดเยี่ยมดังกล่าวเริ่มหดหายไปทีละน้อย
การปรับตัวกับสไตล์ฟุตบอลอังกฤษเป็นเรื่องยากที่เขาต้องเผชิญ ทั้งยังมีอุปสรรคด้านภาษาและสภาพอากาศที่ชื้นแฉะตลอดเวลา ทำให้การเล่นของเขาไม่เหลือคลาสระดับโลก ที่สำคัญดูเหมือนว่าใจของ ดิ มาเรีย เองก็ไม่ได้อยากมาที่แมนเชสเตอร์แต่แรก
เมื่อจบฤดูกาลดังกล่าว ดิ มาเรีย ถูกขายให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง สโมสรปัจจุบัน แต่ตอนนี้ก็ข่าวออกมาเล็กน้อยว่าเจ้าตัวไม่ค่อยมีความสุขกับต้นสังกัดอีกแล้ว
เมมฟิส เดปาย
แมนฯยูไนเต็ด ไปดึงตัว เดปาย มาจากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในฤดูกาล 2015-16 ด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ และได้สวมหมายเลข 7 แทน ดิ มาเรีย ที่อำลาทีมไป
เดปาย มาพร้อมกับตำแหน่งดาวซัลโวและดาวรุ่งยอดเยี่ยมลีกดัตช์เมื่อฤดูกาลก่อนหน้า อีกทั้งยังมีสิ่งทีการันตีให้อุ่นใจคือนักเตะที่มาจากพีเอสวีสู่แมนฯยูไนเต็ดก่อนหน้านี้ทั้งยาป สตัม และ รุด ฟาน นิสเตลรอย ต่างทำผลงานได้อย่างสุดยอดกับทีม ดังนั้นทุกคนต่างคาดหวังว่าเดปายจะประสบความสำเร็จเหมือนรุ่นพี่ทั้งสองคน
แต่เมื่อการออกสตาร์ตชีวิตในอังกฤษเริ่มต้นด้วยความขรุขระ ก้าวต่อไปของ เดปาย จึงยากมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกการกระทำของเขากลายเป็นที่จับตามอง ไม่เว้นแม้แต่ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ผลสุดท้ายจากว่าที่ยอดนักเตะเจเนอเรชั่นใหม่ของวงการฟุตบอลดัตช์ เดปาย กลายเป็นเพียงไอ้ขี้แพ้อีกคนหนึ่งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด กลายเป็นส่วนเกินที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ไม่ต้องการ จนถูกขายไปให้กับลียง ในฤดูกาล 2016-17
สำหรับ “อเล็กซิส ซานเชซ” เป็นนักเตะที่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ด้านฟุตบอลมาทุกระดับไม่ว่าจะในอิตาลี, สเปน หรือแม่กระทั่งในอังกฤษ อีกทั้งหมายเลข 7 ก็เรียกได้ว่าอาจเป็นเบอร์ประจำตัวของอเล็กซิส เนื่องจากเคยใส่มาแล้วกับทั้งสโมสรและทีมชาติ ซึ่งด้วยวัย 29 จะครบ 30 ปีนี้ อาจมีการตั้งคำถามว่าจะคุ้มค่าหรือไม่ และดาวเตะทีมชาติชิลีจะมีเวลาสร้างตำนานให้กับตัวเองในรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ด ขนาดไหน ทั้งแฟนแมนฯยูไนเต็ดและแฟนบอลทั่วไปต่างจับตาด้วยใจระทึก