
ปวงไทยน้อมใจถวายพระพร "ในหลวง" ทรงหายประชวร
หลังจากที่ประชาชนชาวไทยรับทราบข่าวพระอาการประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เสด็จพระราชดำเนินมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราชตั้งแต่ค่ำวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา พสกนิกรชาวไทยต่างมุ่งตรงสู่โรงพยาบาล ต่างน้อมใจร่วมลงนามถวายพระพรเพื่อให้ทรงหายประชวรโดยเร็ว
เนกขัมมะ (ชีพราหมณ์) รงรอง มณีแมน วัดสังฆทาน ย่านพระราม 5 ผู้พิการทางขาที่เดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพร กล่าวว่า รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยและดูแลประชาชน ยิ่งได้เห็นพระองค์ท่านเสด็จฯ ไปในถิ่นทุรกันดาร เห็นแล้วรู้สึกศรัทธาท่านเคารพท่านเหมือนพ่อองค์หนึ่ง พอทราบข่าวพระองค์ท่านทรงประชวรก็รีบเดินทางไปปฏิบัติธรรมและบวช ตอนอยู่ที่วัดก็จะนั่งสมาธิภาวนาถึงพระองค์ท่านทุกวันพระหรือช่วงค่ำที่พอมีเวลาว่าง ขอให้พระองค์ท่านหายจากพระอาการประชวรไวๆ มีสุขภาพแข็งแรง อยู่คู่ฟ้าและประชาชนทั่วไปตลอดไป
ขณะที่ พระครูใบฎีกา ประสงค์ จิตคุโน จากวัดไพชยนต์พลเสพย์ราชวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นโท อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า ในฐานะที่อาตมาเป็นพระสงฆ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันประเสริฐต่อพระสงฆ์มาก ในฐานะที่พระองค์ทรงช่วยเหลือพระสงฆ์ในด้านต่างๆ อย่างในเรื่องของทุนเล่าเรียนหลวงที่พระองค์พระราชทานแก่พระสงฆ์ เมื่อปี 2547
ในด้านของพระสงฆ์ก็มีทางเดียวที่จะช่วยเหลือพระองค์ได้ คือตั้งใจประพฤติปฏิบัติอยู่ในศีลธรรม และนำสิ่งที่เราประพฤติปฏิบัติน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลให้พระองค์ท่านหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว โดยส่วนตัวรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อพระองค์ท่าน ก่อนที่อาตมาจะมาเป็นสมณเพศ เราก็เป็นฆราวาสมาก่อน สำนึกเป็นเรื่องสำคัญที่เราในฐานะเป็นพสกนิกร พอเรามาเป็นบรรพชิตแล้วก็ต้องทำหน้าที่ประพฤติปฏิบัติอย่างในสารคดีที่พระองค์ท่านทรงช่วยเหลือ เป็นตัวอย่างที่เราควรจะดำเนินรอยตาม
“เวลานี้มีทางเดียวที่จะทำให้พระองค์ท่านหายโดยเร็ว คือความสามัคคีเพียงตัวเดียว ถ้าเรามีความสามัคคีมากเพียงใดแล้ว พระองค์จะพอพระทัยมากขึ้น อย่างเพลงชาติที่เราร้อง “ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย” เป็นความหมายสำคัญ เมื่อวานที่วัดได้มีการเปิดให้ลงนามถวายพระพร ที่อาตมามาวันนี้ก็มาในฐานะตัวแทนคณะสงฆ์ โดยมีพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระราชมงคลมุณี เจ้าอาวาสและญาติโยมที่มาไม่ไหว อาตมาจึงเป็นตัวแทนนำรายชื่อทั้งหมด 159 รายชื่อมาส่งที่นี่ โดยเลข 1 หมายถึงรวมดวงใจเป็นหนึ่ง เลข 5 หมายถึง วันที่พระองค์ทรงประสูติ และเลข 9 หมายถึงรัชกาลปัจจุบัน” พระครูประสงค์กล่าว
ด้าน สุรีย์ ลี้มงคล หัวหน้าหน่วยพยาบาลต่อเนื่อง ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่เคยมีโอกาสรับใช้ใกล้ชิดพระองค์ท่าน แต่เวลาที่มีเชื้อพระวงศ์เสด็จมาที่นี่ ก็จะมาอยู่เวรด้านนอกเพื่อดูแลความเรียบร้อยทั่วไป แต่ไม่ได้เข้าไปถวายงานพระองค์ท่านโดยตรง
“ความประทับใจที่พี่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่ในฐานะพี่เป็นพยาบาล แต่เป็นฐานะที่เราเป็นคนไทย คุณพ่อคุณแม่จะสอนตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่า เวลาในหลวงเสด็จฯ มาเราก็ต้องไปเฝ้าฯ รับเสด็จ เป็นความประทับใจตั้งแต่วัยเด็กที่ได้เห็นพระองค์ท่านทรงงานหนักมากๆ เวลาเรารู้สึกว่าเราเหนื่อย เราก็จะนึกถึงพระองค์ท่านที่ทรงงานหนักมากกว่าเรา เวลาท่านเสด็จฯ มาประทับที่โรงพยาบาล การได้แค่มาช่วยต้อนรับคนที่มาร่วมลงนามถวายพระพรพระองค์ท่านก็ถือเป็นความภูมิใจแล้วที่ได้ถวายงาน
พี่เคยมีโอกาสได้พบพระองค์ท่านหลายครั้ง อย่างตอนที่พระองค์เสด็จฯ มาเยี่ยมสมเด็จย่าก็จะได้เห็นตลอดทุกพระองค์ ซึ่งทุกครั้งที่ได้เห็นจะรู้สึกดีใจ และเมื่อปี พ.ศ. 2548 มีโอกาสได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์พระองค์ท่านด้วย ทุกครั้งที่พระองค์ท่านประชวร จะรู้สึกว่าอะไรที่เราสามารถทำได้ตอนนี้ เราก็อยากทำเพื่อให้ท่านมีบารมีเพิ่มขึ้น หายประชวรไวๆ และมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง” พยาบาลสุรีย์กล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ
ปิดท้ายที่ ละออ เกิดอยู่ ชาวมุสลิม อายุ 60 ปี เดินทางมาจากบ้านพักย่านรามคำแหง เดินทางมาพร้อมด้วยหลานสาวและหลานชาย กล่าวว่า สำหรับตัวดิฉันเองรู้สึกประทับใจพระองค์ท่านในทุกอย่างจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ไม่ว่าจะเป็นมันสมองของพระองค์ท่าน หรือการดูแลประชาชน ท่านทรงเป็นพ่อที่ดีมาก
“ทุกครั้งที่พระองค์ทรงพระประชวรและมาอยู่ที่นี่ พอทราบข่าวจะเดินทางมาลงนามถวายพระพรทุกครั้ง ขอพรให้พระองค์ท่านทรงหายจากอาการประชวรโดยเร็ววัน ขอให้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของประชาชนนานๆ ทุกวันนี้ช่วงดึกก็จะสวด “ฮายัต” ขอพรจากพระเจ้าให้พระองค์ท่านสุขภาพแข็งแรง หายจากประชวรไวๆ เคยมารับเสด็จพระองค์ท่านแถววัดเบญจมบพิตร เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ปีที่ท่านทรงครองราชย์ครบ 60 ปี ครั้งนั้นได้เห็นแต่ฝีพระหัตถ์ของพระองค์ท่าน เพียงแค่นั้นก็รู้สึกปลาบปลื้มใจจนน้ำตาไหลออกมาเอง” นางละออกล่าว
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนเดียวกับความรักที่พสกนิกรไทยมีต่อในหลวงของปวงไทย