"NEXTGEN WORK" คนรุ่นใหม่ กับงานรุ่นใหม่ !!
จับตาการทำงานแบบ NEXTGEN WORK เทรนด์ทำงานของคนรุ่นใหม่ยุค 4.0
ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างก้าวกระโด ทำให้พฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ และคนรุ่นเก่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงพฤติกรรมการทำงานในยุคปัจจุบันด้วย ที่วัยรุ่นตามเริ่มไม่อยากจะเป็นลูกจ้างประจำของใครแบบเต็มเวลา ในขณะเดียวกันรูปแบบการทำงาน และการจ้างงาน องค์กรหลายๆแห่งก็ไม่จำเป็นจะต้องจ้างคนมานั่งออฟฟิศเสมอไป จาก 2 ปัจจัยนี้เอง ทำให้แนวทางการทำงานของคนรุ่นใหม่ เริ่มเปลี่ยนเป็นแนวทาง NextGen Work มากขึ้น อย่างปฏิเสธไม่ได้
จากงานวิจัยของ “แมนพาวเวอร์กรุ๊ป” (ManpowerGroup) ระบุว่า NextGen Work อาจเป็นการทำงานที่เกิดขึ้นได้ในอนาคต ต่างจากการทำงานเต็มเวลาแบบเดิมๆ ทำให้มีรายได้เสริมในระยะสั้น พร้อมมอบอิสรภาพในการใช้ชีวิต อีกทั้งยังพัฒนาทักษะซึ่งเป็นที่ต้องการในตลาด เพื่อรักษาโอกาสในการจ้างงานในอนาคต ผู้คนสามารถกำหนดได้ว่าพวกเขาจะทำงานที่ใด เมื่อไหร่และอย่างไร ทำให้ความตึงเครียดลดน้อยลง มีความสมดุลของชีวิตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาจบใหม่ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงาน หรือคนทำงาน ผู้คนต่างมีความต้องการอาชีพที่คล่องตัวกว่าการทำงานแบบเต็มเวลา เพื่อให้สามารถเลี้ยงชีพในแบบเดิมได้
งานวิจัยชิ้นนี้ได้มีการสำรวจ ผู้ใหญ่วัยทำงานจำนวน 9,550 คน (อายุ 18-65 ปี) ประกอบด้วย พนักงานประจำ พนักงานพาร์ทไทม์ ฟรีแลนซ์ พนักงานเอกชน นักเรียน คนเกษียณอายุ และคนว่างงาน ใน 12 ประเทศคือ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย ญี่ปุ่น เม็กซิโก เนเธอแลนด์ สเปน สวีเดน สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
โดยผลสำรวจระบุว่า กลุ่มตัวอย่างเริ่มเปิดใจยอมรับการทำงานในรูปแบบ NextGen Work ที่จะช่วยให้รักษาการจ้างงานในปัจจุบันและในอนาคตไว้ได้ และพวกเขาต้องการสไตล์การการทำงานที่ช่วยปรับสมดุลความรับผิดชอบในการดูแลสิ่งต่างๆในชีวิต คนที่อายุน้อยๆมีแนวโน้มที่จะทำงานแบบ NextGen Work มากขึ้น เพราะพวกเขามักมีแรงกระตุ้นจากความก้าวหน้าในอาชีพ และการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ และเริ่มให้คุณค่ากับความสมดุลในงาน ที่สำคัญพอๆกับค่าจ้าง แต่คนในวัยทำงานก็มักจะให้คุณค่ากับเวลาส่วนตัวมากเช่นกัน โดยเป็นวัยที่มีแนวโน้มที่จะเลือกการทำงานแบบ NextGen Work มากที่สุด เนื่องจากทำให้เครียดน้อยกว่า และทำให้มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น
ทั้งนี้จากการสุ่มสำรวจตัวอย่างนักศึกษาปี 4 ที่กำลังจะจบ จำนวน 10 คนของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า พวกเขาเมื่อจบการศึกษา แล้วส่วนใหญ่จะเลือกการทำงานกับองค์การที่เปิดรับความยืดหยุ่น เปิดโอกาสให้ลูกจ้างได้พัฒนาทักษะ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะเดิมจากบริษัท หรือทักษะใหม่ที่มีติดตัวมา รวมถึงความยืดหยุ่นที่ให้พวกเขาทำงานที่บ้านได้ เป็นหนึ่งปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลือกอาชีพการงาน
ถ้าจะเปรียบเทียบระหว่างสององค์กรให้เลือกทำงาน ในตำแหน่งเดียวกัน เงินเดือนเท่ากัน สวัสดิการเท่ากัน แต่ความยืดหยุ่นภายในองค์กรไม่เท่ากัน หลายคนจะเลือกองค์กรที่มีความยืดหยุ่นกว่า แน่นอนว่ามันดีตรงที่คนทำงานจะมีเวลาทำงาน มีเวลาอยู่กับครอบครัว มีเวลาส่วนตัว เช่นการหารายได้พิเศษ หรือรายได้เสริมที่พวกเขาเลือกเอง เพื่อเสริมเงินเดือน เงินออม และบำนาญ
ในขณะที่กลุ่มหนึ่ง ส่วนน้อยมองว่า การทำงานตามที่บริษัทต้องมากมันดีอยู่แล้ว กฎระเบียบที่องค์กรจัดทำขึ้นก็เพื่อให้บริษัทสามารถเติบโตได้ ลูกจ้างทำตามกฎก็เพื่อให้ทำงานเป็นระบบระเบียบ เข้าออกตรงเวลา มันง่ายกว่า มีกฎตายตัว มันทำให้องค์กรสามารถดูแลพนักงานง่ายขึ้น เหมือนเป็นการวางขั้นตอนให้บริษัทอยู่รอด เพราะทุกคนทำตามกฎ
นอกจากนี้ตลาดใหม่ๆ อย่างอินเดีย เม็กซิโก ที่กำลังเริ่มเปิดใจให้กับแนวทางการทำงานแบบ NextGen Work โดยร้อยละ 97 ของกลุ่มตัวอย่าง ยอมเปิดใจให้กับงานอิสระ งานสัญญาจ้าง งานจ้างชั่วคราวและงานรับเหมามากขึ้น อิตาลีและออสเตรเลีย ต่างก็โน้มเอียงสู้การเปิดใจมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดการสร้างงานและเอื้อให้มีหนทางสู่ตลาดแรงงานที่หลากหลายตามมา ในขณะที่ประเทศอื่นๆพึ่งพอใจต่อความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้น หลังภาวะเศรฐกิจโลกตกต่ำ ตัวอย่างเช่น การปฏิรูปตลาดแรงงานของสเปน ได้ลดค่าแรง และเพิ่มความยืดหยุ่นในการจ้างงาน ซึ่งช่วยให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก ส่งผลให้สเปนมีระบบเศรฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในยูโรโซน แตกต่างจาก เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และญี่ปุ่นกลับเกิดการต่อต้าน NextGen Work
เสียงจากนักศึกษา ต่อมุมมองการทำงานแบบ NextGen Work
จากการพูดคุยกับ นักศึกษาปี 4 ที่กำลังจะจบ จำนวน 10 คนของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง พบว่า เมื่อจบการศึกษาแล้วอยากทำงานกับองค์กรที่ให้ความยืดหยุ่นในการทำงาน เปิดโอกาสให้พัฒนาทักษะ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะเดิมจากบริษัท หรือทักษะใหม่ที่มีติดตัวมา รวมถึงความยืดหยุ่นที่จะเอื้อให้พวกเขาสามารถทำงานที่บ้านได้ ถือเป็นหนึ่งปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลือกอาชีพการงาน เพราะในอนาคต 1 คนอาจทำได้หลายหน้าที่
บางคนยังรู้สึกว่าการทำงานเต็มเวลา ไม่ได้บ่งบอกว่าผลงานมีคุณภาพเสมอไป อีกอย่างวัยรุ่นมักจะเป็นคนที่เบื่อง่าย ถ้าทำอยู่แบบเดิมๆมันก็น่าเบื่อ พวกเขาจึงต้องการวิธีการทำงานในรูปแบบใหม่ วิธีใหม่ที่ทำให้งานสำเร็จ และช่วยให้คนได้รับประโยชน์มากขึ้น ส่วนเรื่องเวลาแต่ละองค์กรมีระบบระเบียบอยู่แล้ว และต้องขึ้นอยู่กับงานที่ทำ แต่ละระบบงานมีเวลาทำงานต่างกัน
ถ้าจะเปรียบเทียบระหว่างสององค์กรให้เลือกทำงาน ในตำแหน่งเดียวกัน เงินเดือนเท่ากัน สวัสดิการเท่ากัน แต่ความยืดหยุ่นภายในองค์กรไม่เท่ากัน หลายคนจะเลือกองค์กรที่มีความยืดหยุ่นกว่า แน่นอนว่ามันดีตรงที่คนทำงานจะมีเวลาทำงาน มีเวลาอยู่กับครอบครัว มีเวลาส่วนตัว เช่นการหารายได้พิเศษ หรือรายได้เสริมที่พวกเขาเลือกเอง เพื่อเสริมเงินเดือน เงินออม และบำนาญ
แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่ม ที่เป็นส่วนน้อยมองว่า การทำงานตามที่บริษัทต้องการ เป็นเรื่องดีอยู่แล้ว กฎระเบียบที่องค์กรจัดทำขึ้นก็เพื่อให้บริษัทสามารถเติบโตได้ ลูกจ้างทำตามกฎก็เพื่อให้ทำงานเป็นระบบระเบียบ เข้าออกตรงเวลา ง่ายกว่า มีกฎตายตัว มันทำให้องค์กรสามารถดูแลพนักงานง่ายขึ้น เหมือนเป็นการวางขั้นตอนให้บริษัทอยู่รอด เพราะทุกคนทำตามกฎ
ปัทมาพร โพจันทร์
"ส่วนตัวอยากทำงานในองค์กรที่มีแนวการทำงานในลักษณะ มีอิรสระทางความคิด เพราะถ้าเขามีอิสระทางความคิด นั้นแปลว่า กระบวนการทำงาน ร่วมไปถึงนโยบายการทำงาน ก็จะมีลักษณะอิจสระด้วย ส่งผลให้เราทำงานง่าย สามารถทำงานได้อย่างไรขีดจำกัด"
อรสา อ่ำบัว
"การทำงานเต็มเวลา ไม่ได้บ่งบอกว่าผลงานมีคุณภาพเสมอไป อีกอย่างวัยรุ่นมักจะเป็นคนที่เบื่อง่าย ถ้าทำอยู่แบบเดิมๆมันก็น่าเบื่อ พวกเขาจึงต้องการวิธีการทำงานในรูปแบบใหม่"
ปาริฉัตร มุสิราช
"ทุกองค์กรมีระบบ ระเบียบอยู่แล้ว แต่ต้องขึ้นกับส่วนงาน เคารพการทำงานของฝ่าย ไม่ใช่ควบคุมเข้า 8 โมง ออก 4 โมง อยากให้ยืดหยุ่น ตามกฏหมาย 8 ชม. จะมากี่โมงก็ทำงานให้ครบ 8 ชม."
ธัญญา อุตธรรมชัย
"องค์กรที่เลือกก็คงต้องเป็นสิ่งที่เราเลือก คือเราไม่อยากทำงานเหมือนพนักงานออฟฟิศทั่วไปที่มีเวลาเข้างานเลิกงานตามเวลาแล้วก็กลับ เพราะเราจะเลือกจากสิ่งที่เราอยู่แล้วคือ 1 เราต้องสบายใจก่อน 2 เจ้าของบริษัทเต็มใจและยินดีรับเราที่ความสามารถ 3 เพื่อนร่วมงานเป็นมิตร ความสบายใจต้องมาเป็นหลัก ต่อให้เราทำงานในที่ๆเงินเดือนสูง แต่หาความสุขไม่ได้ เราก็ได้แต่ทนทำ แต่อีกที่หากเงินเดือนน้อยแต่ความสุขหรือบรรยากาศในการทำงานมันเป็นมิตรต่อเรา ใครหล่ะที่จะไม่อยากทำงานในที่แบบนี้ "
กรชนก ศรีสุข
"ทุกที่ก็กำหนดเวลาเข้าออกอยู่แล้ว ซึ่งอันนี้ไม่ได้เป็นปัญหา โอเคที่จะเข้าออกตามเวลา แต่ลักษณะการทำงานภายในควรมีความยืดหยุ่น"
ชนัญญา ดอกรัก
"จริงๆแล้วอยากทำงานกับเจ้านายและทีมเปิดกว้างทางความคิด ยอมรับความเห็นต่าง ตามทันความเปลี่ยนแปลง และให้อิสระในการคิดงาน ไว้ใจให้ทำงาน แต่ต้องอยู่ในทิศทางเดียวกัน อีกทั้งอยากให้เพื่อนร่วมงานทุกๆคนคือทีม ไม่มีเจ้านาย ไม่มีลูกน้อง ยอมรับฟังกัน อยู่ด้วยแล้วทำให้รู้สึกเหมือนได้อยู่บ้าน ส่วนเรื่องรายได้นั้นไม่มีผลต่อการตัดสินใจเท่าเรื่องนี้"