
ตำแหน่งผบ.ตร.และยศตำรวจ
ภาวะความล้มเหลวในการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ ภายในวันเวลาที่กฎหมายกำหนด คือวันที่ 1 ตุลาคม เพื่อทดแทนคนเก่าที่เกษียณอายุราชการ แสดงถึงความไม่รับผิดชอบในการบริหารบ้านเมือง
ไม่ว่าจะเอ่ยอ้างเหตุผลนานาประการที่ประดิดประดอยประโยคสวยหรูให้ปรากฏแก่สาธารณะหลายครั้ง โดยบุคคลที่มีหน้าที่รับผิดชอบก็ตาม ไม่อาจลบล้างการดูถูกดูแคลนจากคนทั้งประเทศได้
ตำแหน่ง ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าส่วนราชการระดับกรม ปกครองกำลังพล 2 แสนคนเศษ มีอำนาจหน้าที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ของราชอาณาจักรไทย ความเป็นเอกภาพของการทำงาน เพื่อรักษากฎหมายของบ้านเมือง และนโยบายของรัฐบาลที่ให้ไว้กับรัฐสภา ขึ้นอยู่กับคนที่ดำรงตำแหน่งนี้
ผบ.ตร.จึงต้องได้คนที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ในอาชีพตำรวจอย่างกว้างขวาง เข้มข้น มีความซื่อสัตย์ สุจริต ข้อสำคัญต้องมีพรสวรรค์ในการประสานงานกับฝ่ายการเมืองและสภาบันที่มีความสำคัญต่อบ้านเมืองด้วย
นี่เป็นสิ่งที่ประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) และกรรมการทุกคนต้องสำนึก หากยังมีความหวังดีต่อประเทศชาติบ้านเมืองอยู่
เมื่อพูดถึงความเป็นนักบริหารประเทศชาติแล้ว สิ่งที่น่าจะพูดถึงอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องยศตำรวจ
นักวิชาการหรือนักบริหารกึ่งนักวิชาการ มักจะแสดงความคิดความเห็นกันมากกว่า ยศตำรวจไม่ควรมี อ้างกันว่าจะทำให้เกิดการใช้อำนาจเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และยกตัวอย่างประเทศอเมริกา หรือประเทศที่เคยเป็นเมืองขึ้น หรืออยู่ภายใต้อิทธิพลของประเทศอเมริกา อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี ฟิลิปปินส์ โดยลืมไปว่าระบบตำรวจไทยมีพื้นฐานมาจากระบบตำรวจของยุโรป นับตั้งแต่สมัยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 พัฒนามาจนถึงปัจจุบัน
สิ่งหนึ่งที่เป็นความภาคภูมิใจของตำรวจชั้นสัญญาบัตรทุกคนก็คือ การรับพระราชทานยศจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และความเป็นส่วนราชการที่ได้รับการขานชื่อว่า Royal Thai Police จากประวัติศาสตร์อันยาวนาน ดังนั้นพวกที่เป็นนักวิชาการ นักบริหารกึ่งนักวิชาการ นักการเมืองที่ตกประวัติศาสตร์ อย่าสะเออะมาแสดงความคิดเห็น เสนอแนะ
นี่เป็นเรื่องของตำรวจโดยแท้ !?!
คมพิทักษ์ราษฎร์