ข่าว

'เฉลิมเกียรติ' สางคดีฆ่า 4 ศพ ล่าสุดรวบแล้ว 1 !!

'เฉลิมเกียรติ' สางคดีฆ่า 4 ศพ ล่าสุดรวบแล้ว 1 !!

29 พ.ย. 2560

รอง ผบ.ตร.ลงพื้นที่คลี่คลายคดี ฆ่ายกครัว 4 ศพ คาห้องพักกลางสวนยาง ล่าสุดจับคนร้ายได้แล้ว 1 ราย

 

               กรณีเหตุฆ่ากันตายหลายศพ บริเวณสวนยางพารา ม.4 ต.ช้างแรก อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ซึ่งพบผู้เสียชีวิตรวม 4 รายในห้องพักกลางสวนยางพารา ของนางพรนิภา แซ่เหลียง อายุ 29 ปี ชาว อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเป็นผู้ไปพบศพซึ่งเป็นคนงานของตนเอง ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
               ล่าสุดวันที่ 29 พ.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวัน พ.ต.อ ชินวรณ์ เจียร์สกุล ผกก.สส. ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์และ ตำรวจ สภ.บางสะพานน้อย ตลอดจน ตำรวจพิสูจน์หลักฐานประจวบคีรีขันธ์ ได้ลงพื้นที่สวนยางจุดที่เกิดเหตุเพื่อหาหลักฐานและเก็บรายละเอียดอีกครั้ง เพื่อเตรียมสรุปให้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.กฤษณะ ทรัพย์เดช ผบช.ภ.7 และชุดสืบสวนภูธรภาค 7 และ พ.ต.อ.พัฒนา เพศยนาวิน รรท.ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งจะเดินทางมาร่วมคลี่คลายคดีดังกล่าวและร่วมประชุมในช่วงเย็นวันนี้ เบื้องต้น พ.ต.อ.วิรัช ทองไท ผกก.พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมมีดพร้า เคียว และมีดสั้น หลายเล่มที่พบในสวนยางพารา นำมาตรวจสอบเพื่อหาร่องรอยนิ้วมือและคราบเลือด ซึ่งยังไม่มีการยืนยันว่าเป็นมีดที่ใช้ก่อเหตุหรือไม่

 

\'เฉลิมเกียรติ\' สางคดีฆ่า 4 ศพ ล่าสุดรวบแล้ว 1 !!


               อย่างไรก็ตามเบื้องต้นทางตำรวจ สภ.บางสะพานน้อย ยังให้น้ำหนักไปในเรื่องของแรงงานชาวมอญที่มารับจ้างกรีดยางรุ่นแรก หลังจากที่นางพรนิภา ซื้อสวนยางพารา จำนวนกว่า 40 ไร่ เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามจากการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้นคาดว่าผู้ลงมือต้องมีการวางแผนมาก่อน และน่าจะมีมากกว่า 2 คนขึ้นไป
               เบื้องต้นทางตำรวจทราบตัวแรงงานชาวมอญที่ทำงานอยู่ในสวนยางพารา ตามบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย แล้ว และขณะนี้ทางฝ่ายปกครองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กำลังตรวจสอบข้อมูลประวัติของแรงงานต่างด้าวทั้งหมด ซึ่งมีรายงานเบื้องต้นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ค่ำวันอาทิตย์ที่ 26 พ.ย.60 จนเจ้าของสวนมาเจอศพเมื่อเย็นวานนี้
               รายงานแจ้งว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 1 ราย  จากทั้งหมดที่คาดว่ามีจำนวน 5 คน และบางคนหนีข้ามเมียนมาร์ไปแล้ว